น้ำแร่ (Mineral Water) เป็นน้ำดื่มที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพอย่างแพร่หลาในท้องตลาด
เราจะเห็นชนิดของน้ำแร่จากแบรนด์ต่างๆ ออกวางจำหน่ายให้เลือกซื้อหลากหลายประเภท
ซึ่งสารอาหารที่สำคัญในแต่ละยี่ห้อก็จะแตกต่างกันออกไป สัมพันธ์กับราคาที่ถูกหรือแพงด้วย
โดยแหล่งกำเนิดของน้ำแร่เหล่านี้ถูกนำมาจากแหล่งธรรมชาติ ซึ่งจะอยู่ลึกลงไปในชั้นใต้ดิน
เนื่องจากชั้นดินเหล่านี้มีสารอาหารตามธรรมชาติหลากหลาย โดยเฉพาะเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกาย
น้ำแร่กับน้ำดื่มสะอาด จึงมีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น แต่หลักๆ คือ ช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
ไม่เกิดภาวะขาดน้ำ ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ช่วยกระตุ้นให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้ตามปกติ
และระดับสารเคมีภายในร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล ส่วนเกลือแร่จะมีคุณค่าของธาตุอาหารเพิ่มเติมเข้ามาด้วย มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดของน้ำแร่ชนิดนั้นๆ
ดังนั้นสาวๆ ที่ต้องการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงมากขึ้นในทุกๆ วัน กำลังเกิดข้อสงสัยกันบ้างหรือไม่คะว่า
เราควรดื่มน้ำแร่ในแต่ละวันเพื่อเติมเต็มร่างกายให้มีสุขภาพที่ดีหรือไม่ ลองมาทำความรู้จักกับน้ำแร่
และข้อควรรู้ที่จะช่วยหาคำตอบของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพชนิดนี้ไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ทำความรู้จักกับน้ำแร่สำหรับดื่ม
นิยามของน้ำแร่ที่มีการนำมาบรรจุขวดวางขายในท้องตลาด มีแหล่งกำเนิดมาจากแหล่งน้ำบาดาลตามธรรมชาติ
ซึ่งอาจจะหลายถึง น้ำพุร้อน น้ำพุในธรรมชาติ น้ำที่อยู่ตามชั้นหินใต้พื้นดินลึกลงไป
แต่หากเป็นน้ำแร่ที่มีการนำเอามาเติมสารอาหารต่างๆ ลงไป จะไม่นับว่าเป็นน้ำแร่ ตามธรรมชาติของน้ำแร่เหล่านี้
จะพบธาตุอาหารหลักๆ ด้วยกัน คือ โซเดียม, แคลเซียม, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม และกำมะถัน
ปริมารณของแร่ธาตุในแต่ละแหล่งกำเนิดจะมากน้อยแตกต่างกันออกไป ซึ่งปริมาณเหล่านี้ยังส่งผลต่อรสชาติ
บางแหล่งมีรสเค็ม บางแหล่งเฝื่อน หรือบางแหล่งก็มีความซ่า โดยไม่ได้เกิดขึ้นจากการปรุงแต่งในทางอุตสาหกรรมแต่อย่างใด
ความแตกต่างระหว่าง น้ำแร่ กับ น้ำเปล่า
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น น้ำแร่กับน้ำเปล่ามีคุณสมบัติที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เนื่องจากในน้ำเปล่ามีปริมาณแร่ธาตุอยู่เช่นเดียวกัน
แต่จะพบได้ในปริมาณน้อยกว่า ส่วนคุณประโยชน์ในด้านอื่นๆ ถือว่ามีเทียบเท่ากัน ดังนั้นหลายคนอาจจะเกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่า
ในเมื่อทั้งน้ำทั้งสองประเภทแทบจะไม่มีความแตกต่างจากกันเลย ระหว่าง น้ำเปล่าที่มีราคาถูกกว่า กับน้ำแร่ที่มีราคาสูงแตกต่างกันออกไป
เราจำเป็นต้องเลือกดื่มน้ำแร่มากน้อยแค่ไหน ? คำถามนี้ ตอบได้ว่า เราอาจจะไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำแร่เสมอไป
เนื่องจากในแต่ละวันเราได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
จากแหล่งอาหารที่เรากินเข้าไปอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
โดยเฉพาะแร่ธาตุบางชนิด สามารถสังเกตได้จากบรรจุภัณฑ์ข้างขวดของน้ำแร่ว่ามีสารอาหารชนิดที่เราต้องการมากน้อยแค่ไหน
แล้วเลือกให้เหมาะกับตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องดื่มทุกวัน อีกทั้งบางกลุ่มยังต้องระมัดระวังในการดื่มน้ำแร่
เนื่องจากปริมาณแร่ธาตุในร่างกายที่เราไม่สามารถทราบได้ว่ามีตัวไหนขาดหรือเกิน
หากได้รับในสัดส่วนที่มากเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมาได้เช่นเดียวกัน
สัดส่วนของแร่ธาตุจากน้ำแร่ที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
การดื่ม น้ำแร่ ที่มีขายในท้องตลาด อาจจะไม่จำเป็นเสมอไป เพราะเราสามารถดูแลสุขภาพตัวเองให้สมดุล
ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้เพียงพอในแต่ละวัน ซึ่งแน่นอนว่าน้ำแร่อาจจะกลายเป็นส่วนเกินที่ไม่จำเป็น
แต่หากใครที่อยากดื่มและไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็สามารถดื่มน้ำแร่ได้หากต้องการ
อย่างไรก็ตามสัดส่วนของแร่ธาตุข้างขวดที่มากกว่า ไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่าอีกชนิดที่มีสัดส่วนน้อยกว่า
เพราะตามมาตรฐาน หากเป็น ธาตุเหล็กไม่ควรเกิน 0.5 มิลลิกรัม/ลิตร, ธาตุทองแดงไม่ควรเกิน 1.0 มิลลิกรัม/ลิตร,
สังกะสีไม่ควรเกิน 5.0 มิลลิกรัม/ลิตร, ซัลเฟตไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม/ลิตร, ไนเตรทไม่ควรเกิน 45 มิลลิกรัม/ลิตร,
คลอไรด์ไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม/ลิตร และแมงกานีสไม่ควรเกิน 0.3 มิลลิกรัม/ลิตร
Photo Credit : jnize.com
จะเห็นได้ว่าน้ำแร่ ที่ราคาแพง หากต้องการดื่มเพื่อประโยชน์ต่อร่างกายควรได้รับแร่ธาตุที่ไม่มากจนเกินไป
และกลุ่มเสี่ยงที่แพทย์ให้คำแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยง การดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้เพียงพอ และกินอาหารที่มีประโยชน์ ก็ช่วยเติมเต็มสุขภาพที่ดีไม่แพ้กันค่ะ