ไขคำตอบกับการใช้ “ยาเลื่อนประจำเดือน” ใช้อย่างไรให้ได้ผลและปลอดภัย ?

วิธี กิน ยา เลื่อน ประจำเดือน

เมื่อเอ่ยถึงประจำเดือน อันเป็นช่วงเวลาที่สาวๆ ไม่ค่อยอยากเผชิญเท่าใดนัก แต่สำหรับในช่วงวัยเจริญพันธุ์

การมีประจำเดือนเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และมันคงดีกว่าที่ประจำเดือนมาตามปกติ

เพราะนั่นแสดงให้เห็นถึงสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ห่างไกลจากความเจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับโรคทางระบบสืบพันธุ์

แต่กระนั้น ประจำเดือนก็ดูเหมือนจะสร้างความกังวลใจให้กับสาวๆ ไม่น้อย หากรอบเดือนที่มาเกิดมาในช่วงที่ติดภารกิจสำคัญ

ทำให้การทำงานหรือกิจกรรมแสนสนุกต้องหยุดลง อย่างการไปเที่ยวทะเล ว่ายน้ำ ดำน้ำ

หรือในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีการเล่นสาดน้ำ ใครที่ยังไม่อยากให้แผนชีวิตตัวเองสะดุด

ก็มักจะเลือกให้ “ยาเลื่อนประจำเดือน” เป็นทางออก แนวโน้มที่สาวๆ เลือกใช้ยาชนิดนี้ในปัจจุบันก็มีจำนวนมากขึ้นและบ่อยขึ้น

การพึ่งพายาเลื่อนประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ ควรรู้ข้อดีและข้อเสีย เนื่องจากเป็นยาในกลุ่มฮอร์โมน

การใช้ตามอำเภอใจจึงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ดังนั้นการรู้จักใช้อย่างถูกวิธี จะช่วยให้สาวๆ ปลอดภัยจากผลข้างเคียงของยาได้นั่นเองค่ะ

ทำความรู้จักกับยาเลื่อนประจำเดือน

ยาเลื่อนประจำเดือน เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุุบัน โดยในเม็ดยาจะมีสารสำคัญคือ Norethisterone

ผสมอยู่ 5 มิลลิกรัม เป็นตัวช่วยยามฉุกเฉินสำหรับสาวๆ ที่ไม่ต้องการให้ประจำเดือนมาในช่วงเวลาที่เป็นสำคัญของตัวเอง

เป็นยาที่มีวางขายทั่วไปตามร้านขายยา มีหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อ โดยส่วนมากจะคุ้นหูกับ Primolut® N

ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าชนิดหนึ่งของยาเลื่อนประจำเดือน อย่างไรก็ตามยาชนิดนี้ ไม่เพียงแค่เป็นตัวช่วยเลื่อนประจำเดือนให้มาช้าลง

แต่ยังเป็นยารักษาความผิดปกติของโรคบางชนิดที่เกี่ยวกับระบบฮอร์โมน เนื่องจากมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (Progesterone)

แพทย์จึงนำมาใช้สำหรับการรักษาความผิดปกติของรอบเดือนร่วมด้วย เช่น อาการ PMS (premenstrual syndromes)

ที่ผู้ป่วยจะเกิดอาการขึ้นก่อนมีประจะเดือน เริ่มจากอาการปวดศีรษะ หงุดหงิดง่ายแบบไม่ทราบสาเหตุ

หรือการรักษาโรคภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) ผลของยาจะเข้าไปขัดขวาง

ไม่ให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดออกมากลายเป็นประจำเดือน จนกว่าจะหยุดยา ประจำเดือนก็จะมาภายใน 3-4 วัน

วิธีกินยาเลื่อนประจำเดือนให้ปลอดภัยและได้ผล

สำหรับการเลือกกินยาฮอร์โมนชนิดนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้เลื่อนประจำเดือน สิ่งที่สาวๆ ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือ

สภาพร่างกายของตัวเองจะต้องมีความสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ต่อมาคือต้องรู้ช่วงเวลารอบเดือน

ที่จะมาในแต่ละครั้ง หากนับผิดพลาด ก็อาจจะทำให้ยาคลาดเคลื่อนตามไปด้วย

การกินยาจะต้องกินล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์  ในระหว่างที่กินยาควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร

ซึ่งจะมีผลทำให้ยาดูดซึมได้ช้า ประสิทธิภาพในการเลื่อนประจำเดือนไม่ได้ผลตามที่วางแผนเอาไว้

สังเกตง่ายๆ ว่าต้องกินยาเลื่อนประจำเดือนในช่วงไหน ให้ดูที่รอบเดือน กินก่อนกำหนดรอบเดือนตามปกติประมาณ 3 วัน

กินหลังอาหารครั้งละ 1 เม็ด 3 เวลา กินต่อเนื่องกันทุกวันจนครบตามกำหนดที่ต้องการให้ประจำเดือนมา

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากยาเลื่อนประจำเดือน

ผลข้างเคียงของยาเลื่อนประจำเดือนที่สามารถพบได้ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะเกิดขึ้นกับทุกคน

โดยทั่วไปแพทย์จะไม่แนะนำให้ใช้บ่อยหากไม่จำเป็นจริงๆ แม้จะเป็นยาที่มีความปลอดภัยสูง

แต่การกินติดต่อกันนานกว่า 10-14 วัน อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ, ซึมเศร้า, คลื่นไส้อาเจียน,

ประจำเดือนมากระปิดกระปรอย, เจ็บเต้านม, รอบเดือนมาผิดปกติ และมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ยากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มต้องห้ามในการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน

หากไม่มั่นใจควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ดีกว่าเสี่ยงเอาความสบายแต่เกิดอันตรายตามมาในภายหลัง

อีกหนึ่งความเข้าใจผิดที่สาวๆ บางกลุ่มยังเชื่อกันอยู่ นั่นก็คือ ยาเลื่อนประจำเดือนไม่ได้มีผลต่อการช่วยคุมกำเนิดแต่อย่างใด

กินยาเลื่อนประจําเดือนตอนเป็นประจําเดือน

Photo Credit : tip10.info

นอกจากจะเป็นการนำเอายาคุมกำเนิดแบบธรรมดามาใช้เป็นยาเลื่อนประจำเดือน ไปด้วย

อย่างไรก็ตาม การกินยาที่มีฮอร์โมนเป็นส่วนประกอบ ย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกาย

หากเป็นไปได้ ก็ไม่ควรซื้อยากินเอง แต่ควรให้แพทย์เป็นผู้ให้คำแนะนำและจ่ายยาให้จะดีปลอดภัยมากกว่าค่ะ