ในยุคที่คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ไม่ว่าจะตื่นนอนตอนเช้าหรือก่อนเข้านอน
เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ก็ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของเราอย่างปฏิเสธไม่ได้
แม้จะเป็นตัวช่วยทำให้เกิดความสะดวกสบายในการติดต่อ รับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ถูกส่ง
ผ่านโลกออนไลน์เป็นจำนวนมากต่อวัน แต่การใช้เครื่องมือเหล่านี้ตลอดทั้งวันแบบไม่ได้พัก
ทำให้สายตาเกิดความเสื่อมสภาพ สาวๆ ส่วนมากไม่ค่อยรู้ตัวกับอาการที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดความเคยชิน
ตามมาด้วยสุขภาพสายตาที่เสื่อมถอย กลายเป็นภัยเงียบ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ โรคเส้นประสาทตาอักเสบ (Optic neuritis)
ที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สำหรับในยุคนี้ โรคนี้กลับมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง
อะไรคือโรคเส้นประสาทตาอักเสบ ?
โรคเส้นประสาทตาอักเสบ เป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นกับเส้นประสาทตา ซึ่งจะหมายถึงเส้นประสาทสมองคู่ที่ 2
มีชื่อเรียกว่า “Optic nerve” เมื่ออาการอักเสบเกิดขึ้น จะส่งผลให้เกิดความเจ็บปวด
ส่วนของปลอกประสาทที่อยู่ในแอกซอน (Axon) ของเส้นประสาทตา นำมาซึ่งผลกระทบต่อการมองเห็น
ซึ่งภาวะที่เกิดขึ้นนี้มักจะพบได้ว่าเป็นอาการที่เกิดร่วมกับปลอกหุ้มเส้นประสาทตา พบได้ตั้งแต่อายุ 18-45 ปี
ไม่พบสาเหตุของโรคที่แน่ชัด แต่บางรายก็พบโรคดังกล่าวจากภาวะไขสันหลังอักเสบ
และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง ต่อต้านเนื้อเยื่อตัวเอง ส่งผลให้เกิดการอักเสบ
และเสื่อมสภาพของเยื่อหุ้มเส้นประสาทตา การนำสัญญาณจากลูกตาไปยังสมอง
เพื่อทำการประมวลผลลดประสิทธิภาพลง ตามมาด้วยปัญหาการมองเห็นดังกล่าว
ลักษณะของโรคนี้สามารถพบได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตาข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง และพบได้ในกลุ่มผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า
อย่างไรก็ตาม โรคนี้ยังเป็นที่น่ากังวล เพราะเปรียบเหมือนสัญญาณเตือนเบื้องต้นของการเกิดโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis)
โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกันคือ การอักเสบเกิดบริเวณขั้วประสาทหรือจานประสาทตา (Optic disc)
และ การอักเสบด้านหลังถัดจากขั้วประสาทไปด้านหลังลูกตา (Retrobulbar optic neuritis)
สาเหตุของการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบ
เส้นประสาทตาที่เกิดการอักเสบขึ้น ยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อกันว่าเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุเป็นตัวกระตุ้น
ซึ่งที่พบได้บ่อยคือ การเสื่อมสภาพของเยื่อปลอกประสาท (Myelin) มีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของเนื้อสมองส่วนกลาง
การติดเชื้อต่างๆ ในร่างกาย ที่ส่งผลกระทบไปถึงประสาทตา เช่น เอชไอวี, โรคซิฟิลิส, โรคติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด และ โรคอีสุกอีใส เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังพบได้จากสาเหตุระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคเกิดความผิดปกติ (Immune – mediated optic neuritis)
และสาเหตุอื่นๆ ซึ่งอาจมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน จนทำให้ดวงตาเกิดความเสื่อมสภาพ
การกระทบกระเทือนทางสมอง ผู้ป่วยที่เป็นโรคบางชนิด บางรายอาจเกิดการอักเสบขึ้นได้ภายหลังจากฉีดวัคซีน
แต่จะพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะเส้นประสาทตาอักเสบเบื้องต้น มักจะลุกลาม
กลายเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมสภาพของสมองและไขสันหลัง ดังนั้นหากสาวๆ พบว่าตัวเองมีการอาการของโรคดั่งกล่าว
ทางที่ดีควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อหาต้นตอที่อาจเกิดขึ้นจากโรคทางกายอื่นๆ ต่อไป
การแสดงอาการของโรคเส้นประสาทตาอักเสบ
สาวๆ ควรสังเกตตัวเองให้ดีว่า มีอาการที่เกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะอักเสบของเส้นประสาทดวงตาหรือไม่
โดยอาการเบื้องต้นที่พบ มักจะเริ่มจากอาการตามัวลงอย่างเฉียบพลัน มักจะใช้เวลาประมาณ 3-10 วัน
อาการมัวพบได้มากในตาข้างเดียวมากกว่า 2 ข้าง การมองเห็นสีมีความผิดเพี้ยนไปจากเดิม สีสดจะดูหม่นลง
หรือมองเห็นสีแดงจางลงเป็นสีเทา มีอาการปวดนัยน์ตาลึกๆ และจะยิ่งเป็นมากหากกลอกตาไปมา
บางครั้งที่อยู่ในสภาพอากาศร้อน อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เช่น ในช่วงออกกำลังกาย จะทำให้เกิดตามัวขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม หากกลองสังเกตอาการตามัวจากโรคนี้ ซึ่งมักจะมีการมัวเกิดขึ้นโดยเริ่มจากตรงกลางของภาพก่อน
จากนั้นจึงจะค่อยๆ ลุกลามไปด้านข้าง ส่วนในผู้ป่วยที่เป็นโรคปลอกประสาทตาเสื่อมแข็ง มักจะมีภาวะทางสมองร่วมด้วย
พบได้ทั้งอาการที่เกี่ยวกับแขนขามีภาวะชาหรืออ่อนแรง กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สั่น เดินไม่ตรง หรือมีอารมณ์แปรปรวนขึ้นๆ ลงๆ แบบไม่ทราบสาเหตุ
การรักษาและป้องกันการเกิดโรค
คนที่มี ความผิดปกติทางด้านสายตา ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์ไม่ว่าจะเกิดกรณีใดก็ตาม
หากรู้สึกว่าตัวเองมีความผิดปกติ แม้จะพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วก็ยังไม่หายดี
อาการตามัวยังเกิดขึ้นแม้กระทั่งในช่วงออกกำลังกายหรืออยู่ในอากาศร้อน ยิ่งหากการมองเห็นลดลงอย่างเฉียบพลัน ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ รีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์โดยด่วนที่สุด
การรักษา แพทย์จะทำการตรวจวัดสายตาของผู้ป่วยที่มีตามัว จากนั้นจะทำการตรวจเพื่อดูการตอบสนองของม่านตา
ต่อแสงไฟฉายในตาข้างที่พบอาการ บางรายอาจมีการตรวจสอบภายในลูกตาร่วมด้วย เพื่อดูการอักเสบของเซลล์
รวมไปถึงการให้ผู้ป่วยทดลองกลอกตาไปมาว่ามีอาการเจ็บปวดมากขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีการวินิจฉัย
ด้วยการตรวจอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของผู้ป่วยที่เข้าพบแพทย์เป็นรายบุคคล
หากพบว่าอาการที่เกิดขึ้นมาจากโรคเส้นประสาทตาอักเสบ การรักษาจะดูว่ามาจากการติดเชื้อหรือสาเหตุอื่นใด
แพทย์จะมีการให้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อลดอาการตามัวที่จะค่อยๆ หายไปภายใน 1-3 เดือน
การดูแลตนเองของผู้ป่วย ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์ตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ กินยา
และใช้ยาหยอดตาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ควรตัดสินใจซื้อหรือหยุดยาด้วยตัวเอง หากมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง
ก็ควรรักษาโรคเหล่านั้นให้อาการไม่ทรุดลงไปจากเดิม ในระหว่างที่รักษาตา หากรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นก่อนนัดหมาย ก็ควรรีบเข้ารับคำปรึกษาโดยด่วน ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันนัด
Photo Credit : patienttalk.org
ในส่วนของการป้องกัน โรคเส้นประสาทตาอักเสบ ยังไม่มีวิธีป้องกันได้ นอกจากการพยายามดูแลตัวเอง
ใช้สายตากับจอคอมพิวเตอร์ให้น้อยลง กินอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา
และหากพบอาการผิดปกติ ก็ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์โดยด่วน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาจจะนำมาซึ่งการมองไม่เห็นแบบถาวรก็เป็นได้ค่ะ