การลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักของคนอายุ 40 ปีขึ้นไป เป็นอีกหนึ่งเรื่องพื้นฐานที่จำเป็นต้องใส่ใจอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือคนอ้วน เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมสภาพของร่างกายย่อมเกิดขึ้นง่าย ส่งผลให้เกิดโรคง่ายดายตามมา และหากปล่อยตัวให้อ้วน โดยไม่ควบคุมหรือลดน้ำหนัก โอกาสในการเกิดโรคอ้วน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และโรคต่างๆ ยิ่งตามมาสูงทีเดียว ดังนั้น การลดน้ำหนักในคนวัย 40 ปีขึ้นไป จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง มีอายุที่ยืนยาวยิ่งขึ้น ข้อเสียจากน้ำหนักเกินของคนวัย 40 up มีอะไรบ้าง? อย่างที่ทราบกันดีว่ากลุ่มคนวัย 40 ปีขึ้นไปนั้น ควรต้องควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่างๆ ตามมาดังนี้ ปัญหาสุขภาพจิต : ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มักจะมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพจิต เนื่องจากเมื่อปริมาณน้ำหนักเกินมาตรฐานหรืออ้วน การแต่งตัวก็จะต้องเปลี่ยนไป จึงทำให้กลายเป็นผู้ที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง หลังจากนั้นจะมีปัญหาในเรื่องของการเข้าสังคม โดยปัญหาเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่ถือว่าหนักในเวลาต่อมาได้ สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินมาตรฐานย่อมมีความอันตรายอย่างมาก เพราะหากระยะของโรคอยู่ในขั้นรุนแรงย่อมทำให้เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเองจนเสียชีวิตได้ ปัญหาสุขภาพ : ปัญหาสุขภาพถือว่าเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อปล่อยให้ตัวเองอ้วน และที่สำคัญอัตราของผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากมักเจ็บป่วยง่ายและเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับปัญหาสุขภาพที่มักเกิดขึ้นกับคนอ้วนก็มีดังนี้ 1.โรคข้อเสื่อม ผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน มักจะมีปัญหาโรคข้อเสื่อมตามมาจากการที่ข้อต่อต้องรองรับน้ำหนักมาก 2.โรคระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เวลานอนจะไม่สามารถหายใจได้ถนัด ดังนั้น […]

ใครจะเชื่อว่า การลดน้ำหนัก กับพฤติกรรมในยามเช้าตอนตื่นนอน มีผลสัมพันธ์กันทำให้ความตั้งใจในการลดน้ำหนักไม่เป็นดั่งใจ ด้วยชีวิตประจำวันของสาวๆ ที่อาจไม่รู้ตัว ทำให้เกิดปัญหาน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นหรือคงที่ไม่ยอมลดลงไปกว่าเดิม แม้จะพยายามออกกำลังกายและควบคุมอาหารเป็นอย่างดีก็ตาม ลองมาดูกันดีกว่าค่ะว่าสาเหตุที่เป็นต้นตอทำให้เกิดความพังในการลดความอ้วนของสาวๆ สาเหตุมาจากนิสัยความผิดพลาดที่เชื่อว่าหลายคนมองข้าม กับพฤติกรรมผิดๆ เหล่านี้ที่ต้องรีบแก้ไข อ่านแล้วจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัวที่คาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ! นอนหลับเพลินจนเลยเวลาที่ควรตื่น เคยได้ยินกันมาแล้วว่า การนอนดึกมีส่วนทำให้ระบบเผาผลาญรวน จนกลายเป็นตัวการทำให้น้ำหนักเพิ่มได้ แต่การนอนมากเกินไป จนเลยเวลาที่ควรตื่นก็ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้เช่นเดียกัน สาเหตุมาจากการที่ร่างกายต้องเจอกับการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล เมื่อตื่นขึ้นมาร่างกายจะถูกกระตุ้นให้อยากอาหารมากกว่าเดิม ต่างจากการนอนตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาปกติที่เคยทำเป็นประจำ ยิ่งการนอนหลับมากกว่า 10 ชั่วโมง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ค่าดัชนีมวลกายสูงขึ้นมากกว่าคนที่นอนหลับเป็นเวลา 7-9 ชั่วโมงอีกด้วย (อ่านเพิ่มเติม : ภาวะนอนไม่หลับ ตัวปัญหาที่สาวออฟฟิศต้องจัดการก่อนสุขภาพพัง ! ) ตื่นขึ้นเช้าขึ้นมาในความมืด การนอนหลับพักผ่อนสนิทตลอดทั้งคืน ช่วยให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นและเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะใช้พลังงานในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีการศึกษาอย่างหนึ่งพบว่า การตื่นเช้าขึ้นมาท่ามกลางห้องที่มีแต่ความมืด ปิดผ้าม่านทุกด้านของหน้าต่างจนแทบมองไม่เห็นแสงแดดส่องเข้ามา มีโอกาสอ้วนได้ง่ายกว่าคนที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับบรรยากาศยามเช้าที่มีแสงแดดอ่อนๆ ทอประกายส่องเข้ามาในห้อง การศึกษานี้ให้เหตุผลว่าแสงแดดที่ส่องเข้ามามีผลกระตุ้นที่เชื่อมโยงกับนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย เมื่อได้รับแสงสีฟ้าจากดวงอาทิตย์ในช่วงเช้า จะเกิดกระบวนการตื่นตัวของระบบเผาผลาญตามธรรมชาตินั่นเอง กินอาหารเช้าที่ไม่เหมาะสม สาวๆ ในปัจจุบันต่างทราบกันดีว่าการกินอาหารเช้าเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานที่เหมาะสมและเพียงพอสำหรับนำไปใช้ในระหว่างวัน แต่กลับพบว่าสาวๆ บางคนมีพฤติกรรมการเลือกอาหารที่ผิดๆ เลือกที่จะกินอาหารในปริมาณน้อย แคลอรี่ต่ำ เน้นเป็นโปรตีนเอาไว้ก่อน ซึ่งมักจะอยู่ราวๆ […]

การกิน ไข่ต้ม ลดน้ำหนัก นับเป็นอีกหนึ่งเมนูสุดฮิตที่สาวๆ หลายคนให้ความนิยมอย่างมากทีเดียว เพราะไข่เป็นแหล่งของโปรตีนเพื่อสุขภาพชั้นเยี่ยม ที่นอกจากจะทำให้อิ่มง่าย อิ่มท้องนานแล้ว ไข่ ยังมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากมาย เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีความสำคัญหลายชนิด แถมยังเป็นวัตถุดิบราคาถูกที่หาได้ทั่วไป ว่าแต่การ กินไข่ต้มจะช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนลงได้จริงๆ หรือไม่ แล้วกินอย่างไรให้เหมาะสมและช่วยลดน้ำหนักตัวลงได้จริง เรามีคำตอบมาฝากกันแล้ว กินไข่ต้ม ลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่? ผลการศึกษาจาก Rochester Centre for Obesity in America และมหาวิทยาลัยลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยข้อมูลตรงกันว่า การกินไข่ต้มวันละ 2 ฟองในตอนเช้า จะช่วยลดน้ำหนักได้ถึง 400 แคลอรีต่อวันเลยทีเดียว ซึ่งจากการศึกษานั้นได้มีการเปรียบเทียบคนที่อ้วนหรือมีน้ำหนักมากเกินมาตรฐาน และผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วนกว่า 30 คน โดยจับแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งจะให้กินไข่ต้มหรือไข่คน 2 ฟองในมื้ออาหารเช้า อีกกลุ่มหนึ่งก็จะให้กินขนมปังเบเกิลที่ให้พลังงานและโปรตีนพอๆ กันในมื้ออาหารเช้า หลังจากผ่านพ้นไปเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ก็ปรากฎผลออกมาว่า กลุ่มที่กินไข่ต้มในตอนเช้าสามารถลดน้ำหนักลงได้มากกว่า กลุ่มที่กินขนมปังเบเกิลมากถึงกว่า 65% […]

เชื่อว่าสาวๆ ต้องเคยเจอกับปัญหาการลดน้ำหนักของตัวเองกันมาบ้าง ว่าลดตามแผนแล้วแต่ยังไม่ผอม ออกกำลังกายอย่างหนักแต่ก็น้ำหนักเท่าเดิม หรือไปเน้นการคุมปริมาณอาหารด้วยแล้วก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น อาจจะเป็นเพราะพฤติกรรมการลดน้ำหนักแบบผิดวิธีเหล่านี้ก็เป็นได้ค่ะ 1.ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารเช้า มันเป็นสิ่งที่สาวๆ ทราบดีอยู่แล้วว่าอาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานของระบบร่างกาย การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดีจึงควรมีอาหารเช้าที่ประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันอย่างเพียงพอ การรวบมื้อเช้ามาไว้กับมื้อกลางวัน จะส่งผลเสียให้เกิดการรับประทานอาหารมากขึ้น พบว่าสาวๆ ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ กินอาหารรวมกันใน 1 วันมากเกินกว่า 1,400 กิโลแคลอรี่ และส่วนมากคือไขมันและคาร์โบไฮเดรตทั้งสิ้น 2.ดีท็อกซ์ร่างกายด้วยน้ำผลไม้ทั้งวัน สาวๆ ที่เลือกใช้การแพทย์ทางเลือก หรืออาจจะเรียกมันว่าความเชื่อทางเลือก เมื่อคิดว่าเหล่าผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกายและช่วยชะล้างสารพิษ เลยหันมาดื่มน้ำผลไม้แทนข้าวในแต่ละมื้อ ซึ่งด้วยปริมาณอันน้อยนิดเช่นนี้ เชื่อกันว่าจะช่วยให้ร่างกายกำจัดสารที่เป็นพิษออกไปได้หมด ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง แถมยังช่วยลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วด้วย ในความเป็นจริง ความเชื่อการดีท็อกซ์ร่างกายด้วยวิธีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดอย่างยิ่ง เพราะการดื่มเพียงน้ำผลไม้ที่ไร้กากใยอาหาร จะอุดมไปด้วยน้ำตาลในปริมาณสูง เป็นตัวการเพิ่มน้ำตาลในเลือด ทำให้อ้วนมากขึ้น อีกทั้งยังไปรบกวนระบบเผาผลาญให้ต่ำลงด้วย 3.เลือกเครื่องดื่มรสหวานแบบใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เราเข้าใจกันว่านี่คือวิธีลดน้ำหนักอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับคนที่ชอบการดื่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มอัดแก๊สโซดาที่มีปริมาณน้ำตาลเป็นส่วนประกอบอย่างมาก เลยหันมาดื่มเครื่องดื่มที่โฆษณาว่าแคลอรี่ 0 เปอร์เซ็นต์และปราศจากน้ำตาล ในระยะสั้นๆ มันช่วยลดอาการอยากอาหารหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงได้ดี แต่หากดื่มเป็นกิจวัตรในระยะยาว เครื่องดื่มเหล่านี้ใช้สารทดแทนความหวานที่เต็มไปด้วยเคมี เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และภาวะความดันเลือดสูงเข้ามาแทนที่ 4.ตัดหมู่อาหารที่ทำให้อ้วนออกไปจากชีวิต! แม้จะไม่ใช่การอดอาหาร แต่ทราบหรือไม่ว่าการตัดหมู่อาหารบางชนิดออกไปจากชีวิตแบบไม่ขอแตะต้องมันอีกเลย เพราะกลัวว่าจะเป็นตัวการทำให้ตัวเองลดน้ำหนักไม่สำเร็จผล […]

ทางเลือกของการลดน้ำหนัก มีให้เราได้เลือกใช้อย่างหลากเลย แต่ถึงกระนั้นทุกวิธีการล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน ความเข้าใจในการลดความอ้วนของแต่ละบุคคล จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกได้ว่า ใครคนนั้นจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ซึ่งตามหลักของการลดน้ำหนักที่มักจะได้รับคำแนะนำคือ การออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหาร เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ความเชื่อแบบผิดๆ ของการลดความอ้วน เป็นสาเหตุที่ทำให้สาวๆ หลายคนมีพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม ไม่สามารถลดน้ำหนักได้อย่างที่คาดหวังไว้ อีกทั้งยังทำให้ความมุ่งมั่นตั้งใจที่เคยมีมาหมดลงไปอีกด้วย เพราะฉะนั้นหากสาวๆ ท่านไหนกำลังอยู่ในช่วงของการไดเอทอย่างจริงจังอยู่ล่ะก็ เราลองมาดูพฤติกรรมต้องห้ามต่อไปนี้ ที่จะส่งผลให้การลดน้ำหนักของสาวๆ ล้มเหลวลงไปได้ค่ะ ชอบกินอาหารเย็นเป็นมื้อดึก พฤติกรรมนี้ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในช่วงเวลาเย็นร่างกายจะเริ่มเข้าสู่โหมดพักผ่อน คือช่วงเวลาเข้านอน ดังนั้น การเผาผลาญพลังงานจึงลดต่ำลง การทานอาหารเข้าไปในช่วงเวลานี้ จะส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารเกินความจำเป็น และไม่ถูกเผาผลาญ ดังนั้นส่วนที่เหลือ มันจึงจะถูกเก็บเอาไว้กลายเป็นไขมันได้ง่าย อีกทั้งการทานในช่วงดึกบ่อยๆ ยังเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะภาวะกรดไหลย้อน และอาหารไม่ย่อยตามมา ข้อแนะนำของการทานอาหารในช่วงนี้ คือ ควรจะทานก่อนเวลาหกโมงเย็น แต่ถ้าหากใครรู้สึกหิว ก็สามารถทานเป็นอาหารอ่อนย่อยง่าย หรือจะเป็น นมไขมันต่ำ น้ำเต้าหู้ หรือผลไม้ อย่างแอปเปิ้ลเขียวจะดีกว่าค่ะ กินน้อยๆ เพราะกลัวอ้วน ความเชื่อแบบนี้เป็นความเชื่อที่ผู้คนส่วนมากยังมักคิดว่ามันช่วยในการลดน้ำหนักได้อยู่ แต่ทว่าในความเป็นจริงการอดอาหารหรือกินในปริมาณน้อยจะยิ่งส่งผลให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย […]

การเล่นคาร์ดิโอ ร่วมกับ เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) คือ “การออกกำลังกายแบบควบคู่” ที่เหมาะสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักอย่างจริงจัง การออกกำลังกายทั้งสองชนิดนี้ ล้วนมีข้อดีแตกต่างกันออกไป ดังนั้นการเล่นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงทำให้การออกกำลังกายไม่สมบูรณ์แบบ อย่างที่หลายคนต้องการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การเล่นคาร์ดิโอ หรือ เวทเทรนนิ่งเพียงอย่างเดียวจะไม่ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก ซึ่งมันจะดีกว่าหากสาวๆ ลองจับเอาการออกกำลังกายทั้งสองประเภทนี้เข้ามาไว้ด้วยกัน ด้วยไอเดียการเล่นอย่างถูกต้องต่อไปนี้ ที่จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกันดีกว่าค่ะ ข้อดีของการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการใช้ “ออกซิเจน” เป็นหลัก เป็นประเภทหนึ่งของการออกกำลังกายแบบแอโรบิก อย่างเช่น การปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ วิ่ง กระโดดเชือก ไปจนถึงการเต้นแอโรบิก ซึ่งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ แต่มันจะมีส่วนต่อการเพิ่มกล้ามเนื้อได้น้อยมาก หลักในการทำงานของมันคือ การเข้าไปเบิร์นไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่เป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้ออกกำลังกายในช่วงเริ่มต้น เพราะจะเข้าไปกระตุ้นการยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรง สังเกตได้ว่าผู้ที่เล่นคาร์ดิโอผ่านไปช่วงระยะหนึ่งจะเริ่มมีความรู้สึกเหนื่อยน้อยลง สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานในการออกกำลังกายสำหรับท่าที่มีความยากขึ้นต่อไปได้ โดยคาร์ดิโอส่วนมากจึงเน้นท่าบริหารส่วนล่างเป็นหลัก ก็เพื่อให้การบริหารร่างกายสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะ คาร์ดิโอ ยังช่วยไปเพิ่มการเผาผลาญในช่วงหลังออกกำลังกายให้เพิ่มมากขึ้น กล่าวคือแม้ว่าจะหยุดออกกำลังกายไปแล้วร่างกายก็ยังมีการเผาผลาญต่อเนื่องไปอีกสักระยะหนึ่ง มักพบได้ในคาร์ดิโอที่มีความเข้มข้นสูงอย่าง HITT ซึ่งจะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ของการเต้นหัวใจสูงสุดเลยทีเดียว ข้อดีของการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง […]