หากพูดถึง อาการเลือดกําเดาไหลบ่อย (Epistaxis) เป็นอาการที่พบได้ทั่วไป หากเกิดจากการกระทบกระทั่งภายในจมูกจนทำให้เส้นเลือดฝอยแตก ทว่าการที่เลือดกําเดาไหลบ่อย ไม่ใช่อาการที่เราควรมองข้าม เพราะนั่นอาจจะเป็นสัญญาณความผิดปกติของระบบภายในโพรงจมูก
ซึ่งการที่เลือดเหล่านี้ไหลออกมา จะออกทางด้านหน้าหรือหลังโพรงจมูก สามารถไหลออกมาจากรูข้างเดียวหรือทั้งสองข้าม
พบได้ในทุกเพศทุกวัย และนอกจากนี้ยังพบในช่วงที่มีอากาศหนาวมากกว่าในช่วงอากาศชื้น
หากอาการรุนแรง ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะได้หาสาเหตุของอาการเลือดกำเดาที่ไหลออกมาเรื้อรังไม่ยอมหายซักที่
เบื้องต้นอาจจะมาจากการอักเสบและติดเชื้อของทางเดินหายใจที่ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ไม่สามารถปล่อยทิ้งไว้ให้หายเองได้นั่นเองค่ะ
สาเหตุเลือดกําเดาไหลบ่อย เกิดจากอะไร ?
สาเหตุของเลือดกําเดาไหล เกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน แพทย์จะมีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ซึ่งได้แก่
1.กลุ่มที่มีเลือดออกจำนวนน้อย และสามารถหยุดหายไปได้แต่มีอาการเลือดกำเดาไหลบ่อย
เป็นมาหลายครั้ง พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ที่มีอายุยังไม่มาก เลือดดังกล่าวจะไหลออกมาที่โพรงจมูกด้านหน้า เรียกว่า “anterior epistaxis”
2.กลุ่มที่มีเลือดกำเดาไหลออกเพียงครั้งเดียว แต่มีปริมาณเลือดออกมาก
ไม่สามารถหยุดอาการได้เอง และมักหาสาเหตุไม่พบในเบื้องต้น พบได้บ่อยในผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว
โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง การไหลของเลือดจะไหลจากโพรงจมูกด้านหลัง เรียกว่า “posterior epistaxis”
ตำแหน่งเลือดกําเดาไหล บอกสาเหตุได้
ตำแหน่งที่มีอาการเลือดกำเดาไหลออกมาจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ตำแหน่งหลักๆ ด้วยกัน
ซึ่งจะสามารถบอกได้คร่าวๆ ว่าอาการเลือดกำเดาไหลเกิดจากอะไร
1.เลือดกำเดาหลจากด้านหน้าโพรงจมูก
เป็นอาการที่พบได้มากถึงร้อยละ 90 ของตำแหน่งที่เลือดกำเดาไหลทั้งหมด
พบได้ทั้งในเด็กและวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก สาเหตุมักมาจากการแคะจมูกด้วยความรุนแรง
เลือดที่ออกมาจะมาจากผนังกั้นที่ส่วนของช่องจมูกด้านหน้า ซึ่งเต็มไปด้วยหลอดเลือดหลายแขนงรวมกันอยู่
2.เลือดกำเดาจากด้านหลังโพรงจมูก
ผู้ป่วยจะสัมผัสได้ถึงอาการเลือดกำเดาไหลลงไปในคอ ได้กลิ่นคาวเลือด
เป็นอาการที่รุนแรงกว่าชนิดแรก สาเหตุมักมาจากผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง และในผู้สูงอายุที่มีปัญหาหลอดเลือดแข็งตัว
รวมไปถึงผู้ป่วยที่มีภาวะเนื้องอกในโพรงจมูก ซึ่งตัวเนื้องอกจะมีเส้นเลือดขนาดเล็กมาหล่อเลี้ยงเป็นจำวนมาก
การสังเกตความผิดปกติ แพทย์จะใช้วิธีการส่องกล้องตรวจเข้าไปด้านในเพื่อหาต้นตอของอาการเลือดออก
3.เลือดกำเดาไหลจากด้านบนโพรงจมูก
เลือดกำเดาที่ไหลออกออกจากด้านบนโพรงจมูก มักจะเกิดขึ้นจากโรคเป็นสาเหตุ แต่พบได้น้อย
ซึ่งมักจะมาจากการผ่าตัดไซนัส, เนื้องอกในโพรงจมูกบางชนิด และอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะ เป็นต้น
ทำไมเลือดกําเดาไหลบ่อย ?
เลือดกำเดาไหลบ่อย เกิดขึ้นได้หลายกรณี เราสามารถแบ่งชนิดที่มาจากสาเหตุที่รุนแรงและชนิดไม่รุนแรง สามารถหายได้เอง ที่พบได้ทั่วไปคือ
1.อาการระคายเคืองหรืออาการบาดเจ็บที่โพงจมูก
หากผู้ป่วยมีพฤติกรรมชอบแคะจมูกแรงๆ บ่อยๆ ก็จะทำให้เลือดกำเดาไหลบ่อย มักพบในคนที่มีน้ำมูกเรื้อรัง แห้งเกรอะอยู่ด้านใน
เมื่อแคะก็จะเกิดแผลถลอก จนมีเลือดไหลออกมาด้วย บางรายเป็นแผลเรื้อรังอยู่ที่ส่วนหน้าในรูจมูก
เมื่อแคะบ่อยๆ ก็ทำให้เลือดออกมาได้ง่าย การได้รับการกระแทกทำให้กระดูกจมูกแตกหัก
หรือเส้นเลือดฝอยแตก การผ่าตัดเนื้อเยื่อบุจมูก การผ่าตัดผนังกั้นจมูก การผ่าตัดโพรงไซนัส
การใส่ท่อช่วยหายใจ การเปลี่ยนแปลงความกดอากาศอย่างรวดเร็ว การสั่งน้ำมูกแรงๆ ฯลฯ
อาการเหล่านี้มักไม่ค่อยเป็นอันตราย จะมีเลือดกำเดาไหลออกช่วงสั้นๆ และหาไปได้เอง
แต่หากมีพฤติกรรมการแคะจมูกที่รุนแรง หรือทำให้จมูกเกิดบาดแผล ก็จำทำให้มีเลือดกำเดาไหลบ่อยตามมาได้ง่าย
2.เลือดกำเดาออกในปริมาณมากภายหลังจากการได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุ
ปริมาณเลือดจะมีมากในช่วงแรก แต่จะค่อยๆ หายไปได้เอง ทว่าหากสังเกตพบการบาดเจ็บของจมูกเป็นเวลานาน
มีเลือดกำเดาไหลนานเป็นสัปดาห์ สาเหตุอาจมาจากการที่เส้นเลือดภายในโพรงจมูกโปร่งพองจากอุบัติเหตุ
3.อาการหนาวและแห้ง
อาการหนาวและแห้ง จะเป็นสาเหตุทำให้เลือดกำเดาไหลบ่อยได้ เนื่องจากเยื่อบุจมูกมีความแห้ง เกิดการระคายเคือง ตามมาด้วยเลือดออกได้ง่ายขึ้น
4.ภาวะอักเสบภายในโพรงจมูก
มักมาจากการติดเชื้อไวรัส, ภูมิแพ้, ไซนัสอักเสบ, การสัมผัสกับสิ่งระคายเคือง, มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก,
การใช้เครื่องอัดอากาศช่วยหายใจ และการรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับ เป็นต้น
เป็นสาเหตุที่เสี่ยงทำให้เกิดการอักเสบภายในโพรงจมูก มีเลือดคั่งภายใน เส้นเลือดฝอยแตกง่าย
ส่วนมากสังเกตได้ว่าจะมีเลือดปนออกมาพร้อมกับน้ำมูก อาการรุนแรงแตกต่างกันไปในกลุ่มผู้ป่วย ขึ้นอยู่กับปริมาณเลือดที่ออกมาในแต่ละครั้งด้วย
อาการเลือดกำเดาไหลที่ควรระวัง
ระดับความรุนแรงของอาการเลือดกำเดาไหลที่ไม่ควรมองข้าม เสี่ยงที่จะทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาในปริมาณมาก
จนทำให้ผู้ป่วยช็อกจนหมดสติได้ นั่นคือภาวะที่ถูกจัดอยู่ในระดับรุนแรง มีเลือดออกมาก
จนทำให้น้ำในหลอดเลือดต่ำ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเลือดลดต่ำลง หน้ามืด
รู้สึกเหมือนจะเป็นลมเวลาเปลี่ยนอิริยาบถ จะทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดมาก
ควรรีบเข้ารับการรักษาเพื่อหยุดการไหลของเลือดอย่างเร่งด่วน
มิเช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิตตามมาได้เลยทีเดียว แม้จะใช้การห้ามเลือดด้วยวิธีต่างๆ แล้วก็ตาม
การปฐมพยาบาลเลือดกำเดาไหล
- สำหรับการดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อมีเลือดออก ผู้ป่วยควรใช้หลักการห้ามเลือดไม่ว่าออกมาจากทางไหน
ด้วยการกดที่จุดเลือดออกทิ้งไว้ 10-15 นาที จะช่วยให้เกล็ดเลือดเข้ามารวมตัว และเลือดหยุดได้เองในที่สุด
- ตำแหน่งที่เลือดกำเดาไหลบ่อย จะพบที่ด้านหน้าตรงสันกลางจมูก
หากมีเลือดออกให้ใช้วิธีเอามือบีบจมูกให้แน่นด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ค้างไว้ 5-0 นาที เพื่อปิดจุดเลือดออก และใช้วิธีหายใจทางปากไปก่อน
- หลีกเลี่ยงการบีบๆ ปล่อยๆ จมูกขณะที่กำลังกดจุดหยุดเลือด เพราะส่วนใหญ่ต้องการดูว่าเลือดหยุดไหลหรือยัง
ดังนั้นให้บีบทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีเป็นอย่างต่ำ หากต้องการทราบว่าเลือดหยุดไหลแล้วหรือไม่
- ประคบเย็นด้วยผ้าห่อน้ำแข็งหรือ cold pack ที่จมูก ซึ่งจะช่วยให้เส้นเลือดภายในโพรงจมูกหดตัว
บรรเทาเลือดไหลให้น้อยลง หรืออมน้ำเย็น หรือน้ำแข็งภายในช่องปากไปพร้อมๆ กันด้วย จะช่วยลดภาวะเลือดออกให้หายได้เร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการหงายศีรษะขึ้น เพราะจะทำให้เลือดไหลลงคอ เกิดการสำลักขึ้นมา สิ่งที่ควรทำคือการก้มหน้าลงแล้วบีบจมูกค้างไว้
- หากพบว่าเลือดกำเดาไหลออกมา ไม่ยอมหยุดซักที ให้บีบจมูกต่อด้วยวิธีเดิมอีกครั้ง
กรณีที่มีเลือดกำเดาไหลอย่างต่อเนื่องเกิน 20 นาที ให้บีบทิ้งไว้และรีบพาตัวเองไปโรงพยาบาลในทันที
Photo Credit : dcnepal.com
การรักษาเลือดกำเดาไหลบ่อย
เบื้องต้นจะใช้วิธีปฐมพยาบาลดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้วก่อน ในระหว่างที่เลือดกำเดาหยุดไหลไปแล้ว
หลีกเลี่ยงการแคะจมูกหรือการสั่งนำมูกแรงๆ ภายในระยะเวลา 24-48 ชั่วโมงก่อน
เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลออกมาอีก ผู้ป่วยคนนอนพักในท่ายกศีรษะขึ้นสูง ใช้น้ำแข็งมาประคบเอาไว้ตรงตำแหน่งหน้าผากหรือคอ
การรักษาหากแพทย์พบว่าผู้ป่วยมีเลือดไหลไม่หยุดด้วยวิธีเบื้องต้น แพทย์จะหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น
ทำการรักษาด้วยวิธีจี้ในจุดที่เลือดออกด้วยไฟฟ้าหรือการใช้สารเคมี การใช้วิธีผูกหลอดเลือดแดง
การใส่วัสดุหยุดเลือดกำเดาภายในจมูก หรือการฉีดสารเพื่อหยุดเข้าไปอุดหลอดเลือด เป็นต้น
อาการเลือดกำเดาไหลบ่อย เกิดจากหลายสาเหตุ ดังที่กล่าวไปแล้ว
ดังนั้นหากพบว่าตัวเองมีเลือดกำเดาไหลเรื้อรัง ไหลไม่ยอมหยุด มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย
ทางที่ดีคือการเข้ารับการตรวจจากแพทย์ เพื่อให้แน่ชัดว่าอาการที่เป็นอยู่นั้นเป็นอาการธรรมดา หรือจากสัญญาณเตือนของโรคในร่างกายของเรากันแน่