ความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ที่พบได้มากในผู้หญิงคงหนีไม้พ้นภาวะถุงน้ําในรังไข่ หรือที่คุ้นกันว่าโรค PCOS (Polycystic Ovary Syndrome)
เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้ระบบการทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์และระบบฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ซึ่งระดับอาการก็จะมากน้อยแตกต่างกันออกไปด้วย พบได้ทั่วไปในผู้หญิงที่ยังมีประจำเดือน
ที่สังเกตได้ชัดคือประจำเดือนที่มาคลาดเคลื่อน มาแบบกระปิดกระปรอย หรือนานๆ ครั้งมาที
บางรายรุนแรงถึงขั้นที่ไม่มีประจำเดือนมาเลยตลอดระยะเวลาหลายปี เพราะไข่ที่โตสมบูรณ์แล้ว
พร้อมทำหน้าที่ผสมพันธุ์ กลับไม่ตกมาเป็นประจำเดือน เมื่อตรวจจะพบไข่หลายใบเกาะค้างอยู่ภายในรังไข่
และมีปริมาณมากขึ้น หากสะสมต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะทำให้เกิดการบวมน้ำในมดลูก จนสังเกตว่าท้องบวมกว่าปกติ
แม้จะไม่ใช่คนอ้วน อีกทั้งยังพบอาการข้างเคียงอื่นๆ ของโรคที่จะส่งผลกระทบกับผู้หญิงที่ต้องการมีบุตรในอนาคต และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอีกด้วย
ถุงน้ําในรังไข่คืออะไร ?
โรคถุงน้ําในรังไข่ จะเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงในช่วงวัยเจริญพันธุ์
สามารถเกิดขึ้นตั้งแต่ในวัยที่เริ่มมีประจำเดือนจนถึงอายุ 45 ปี และดูเหมือนจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
ลักษณะของถุงน้ำจะมีขนาดเล็กกระจายตัวกันอยู่ภายในรังไข่จำนวนมาก บางครั้งก็เรียกกันว่าซีสต์ในรังไข่
ตามปกติรังไข่จะทำหน้าที่สำคัญคือการผลิตฮอร์โมนหลากหลายชนิด เมื่อรังไข่ผิดปกติขึ้นมา
จะทำให้เกิดอาการที่เกี่ยวเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่ โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศ ทำให้เกิดการทำงานที่ไม่สมดุล
มีปริมาณของฮอร์โมนอินซูลินในเลือดสูงกว่าปกติ ผู้หญิงที่เป็นโรคถุงน้ําในรังไข่จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้สูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
และเป็นชนิดเบาหวานที่มีความรุนแรง เนื่องจากร่างกายไม่ตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลิน หรือตอบสนองได้น้อยกว่าปกติ (Insulin resistance)
ถุงน้ำที่เกิดขึ้นจะมีขนาดไม่ใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-3 เซนติเมตร แต่อาจใหญ่ได้ถึง 5 เซนติเมตร
สามารถหายไปได้เองเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน จึงทำให้มันเป็นถุงน้ำที่ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย เพราะจะเกิดการฝ่อไปเองในที่สุด
ความผิดปกติของถุงน้ำในรังไข่ที่เกิดขึ้น มาจากการทำงานของต่อมไร้ท่อที่ไม่สมดุล
เมื่อทำการตรวจจะพบปริมาณของฮอร์โมนแอนโดรเจนในปริมาณสูง ร่วมกับภาวะไข่ไม่ตกแบบเรื้อรัง
เมื่อฮอร์โมนชนิดนี้สูงขึ้น จะไปกระทบกับภาวะมีบุตรยาก ประจำเดือนขาดหายไป
มาแบบกระปิดกระปรอย มีสิวมาก ผิวหน้ามัน มีขนตามร่างกาย มีหนวดเครา
หรือเสียงห้าวเหมือนผู้ชาย แต่ส่วนมากอาการเหล่านี้จะพบได้น้อย จะมีเพียงอาการประจำเดือนขาดที่เป็นอาการหลัก
หากขนาดของถุงน้ำไม่ขยายตัวมากขึ้น ก็แทบจะไม่แสดงอาการอื่นใดออกมาให้เห็น
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การรักษาทำได้ช้า อาการของโรคลุกลามไปมากแล้วจนเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพตามมาในที่สุด
ถุงน้ําในรังไข่กับอาการที่่ควรสังเกต
อาการเตือนที่มักจะเป็นสาเหตุทำให้สาวๆ เข้ารับการตรวจจากสูตินารีแพทย์คืออาการประจำเดือนมากระปิดกระปรอย
มาไม่ตรงกับรอบเดือน ซึ่งมาจากการที่รังไข่มีปริมาณของถุงน้ำหลายใบ
ส่งผลให้การทำงานของระบบสืบพันธุ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พบว่าบางรายหลายๆ เดือนจึงจะมีประจำเดือนสักครั้ง
และแต่ละครั้งก็จะมีเลือดออกมาในปริมาณมากและนาน แต่ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก
รอบเดือนจะหายไปเป็นปี หรือมาแบบกะปิดกะปรอยติดต่อกันนานกว่า 10-15 วันเลยทีเดียว
นอกจากนี้กลุ่มที่มีถุุงน้ำหลายใบ ยังพบว่ามีน้ำหนักตัวมาก มีภาวะอ้วนที่พบได้มากกับโรคนี้
ยิ่งสาวๆ ที่ไม่ควบคุมความอ้วนของตัวเอง ก็จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
เสี่ยงที่จะทำให้โรคนี้รุนแรงมากขึ้นไปอีกระดับ บางรายพบว่ามีปริมาณฮอร์โมนเพศชายสูง
มีขนดกตามแขน ขา และลำตัว มีหนวดและอาจพบศีรษะล้านได้อีกด้วย
ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มีภาวะมีบุตรยาก เพราะประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้ไม่สามารถนับระยะที่ไข่ตกได้แน่ชัด
สาเหตุของการเกิดถุงน้ําในรังไข่
ในปัจจุบันยังไม่สามารถทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคถุงน้ําในรังไข่
แต่เชื่อว่ามาจากความผิดปกติในระดับพันธุกรรม ใกล้เคียงกับการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ยิ่งคนที่มีแม่ป่วยเป็นโรคนี้มาก่อน
ลูกสาวก็จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้สูงมากด้วย เรายังพบอีกว่า ผู้หญิงที่มีอาการผิดปกติดังกล่าว
จะมีปัญหาที่รังไข่และต่อหมวกไต มีการสร้างฮอร์โมนเพศชายเพิ่มมากขึ้น
มีระดับเอนไซม์อินซูลินในกระแสเลือดมาก ความผิดปกติของโรคยังพบได้ในจุดอื่นๆ ของร่างกายด้วยคือ
ผิวหนัง ไขมันรอบนอก และบริเวณต่อมใต้สมอง โดยจะส่งผลกระทบกันเป็นวงจร
โดยไม่สามารถสรุปได้ว่าจุดไหนเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดปกติดังกล่าว ดังนั้นสาเหตุที่สามารถตรวจพบได้คือ
มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ทำให้ไข่ไม่ตก เสี่ยงที่จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว
และกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ในอนาคต มีระดับแอนโดรเจนสูง ทำให้เกิดสภาวะของเพศชายในร่างกาย
และภาวะดื้ออินซูลิน ที่เสี่ยงทำให้ผู้ป่วยเกิดโรคอ้วนได้ง่าย
ขั้นตอนในการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะถุงน้ําในรังไข่
ผู้ป่วยที่มีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ จะได้รับการรักษาที่แตกต่างกัน
โดยจะแบ่งตามกลุ่มอาการและความต้องการมีบุตร เบื้องต้นแพทย์จะต้องลดภาวะประจำเดือนที่มาผิดปกติ
เพื่อช่วยไม่ให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว กรณีที่ไม่ต้องการมีบุตรจะให้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม
ซึ่งจะเป็นตัวยาสำคัญที่ใช้รักษาผู้ป่วยในระยะยาว มีกลไกการออกฤทธิ์ที่จะช่วยลดอาการเลือดออกผิดปกติ
และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตาบางลงจนเข้าสู่ระดับปกติ
การใช้ยาฮอร์โมนโปรเจสตินเป็นรอบๆ ทุก 1-3 เดือน เพื่อช่วยให้ระดูมาปกติ
นิยมให้รับประทานยาทุกเดือน ซึ่งจะให้ผลดีมากกว่าแบบ 3 เดือน
แต่จะไม่สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะขนดก เป็นสิว หรือมีภาวะดื้อต่ออินซูลินได้
ส่วนรายอื่นๆ จะมีการให้ยาลดการต้านอินซูลิน ซึ่งเป็นยารักษาโรคเบาหวานในกลุ่ม insulin-sensitizers
ที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้นด้วย และการรักษาด้วยการผ่าตัดจี้รังไข่
ซึ่งยังเป็นการรักษาที่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถหยุดอาการของโรค และป้องกันเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวได้หรือไม่
กรณีที่ผู้ป่วยต้องการมีบุตร การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นทำให้ไข่ตก
และการตรวจสุขภาพของผู้ป่วยว่ามีความแข็งแรงพอต่อการมีบุตรด้วยหรือไม่
Photo Credit : syndromepictures.com
ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาออกกำลังกาย
และเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ มีการจำกัดอาหารให้เกิดความเหมาะสม
และใช้ยาเพื่อชักนำให้เกิดไข่ตก เช่น ยาในกลุ่ม Estrogen antagonist, Recombinant-FSH ร่วมกับ hCG และ Aromatase inhibitor เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการรักษาโรคถุงน้ําในรังไข่ จะต้องขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยด้วยว่ามีอาการรุนแรงไปในระดับไหนแล้ว
การรักษาจะต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ติดตามการรักษา และดูแลสุขภาพตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย