มังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการทานมังสวิรัติ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนที่อยากทาน มังสวิรัติ
แต่ก็ยังไม่อยากตัดขาดจากเนื้อสัตว์ซะทีเดียว ซึ่งก็เป็นวิธีการทานมังสวิรัติที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก
และกำลังแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย ทำให้ผู้คนสามารถทานมังสวิรัติกันได้มากขึ้น
และส่งผลดีต่อสุขภาพไม่น้อยกว่า การทานมังสวิรัติแบบดั้งเดิมเลยทีเดียว หรืออาจได้รับประโยชน์มากกว่า
เพราะมังสวิรัติแบบยืดหยุ่นจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน รวมทั้งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ด้วยนั่นเอง
ประโยชน์ของการทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น
เมื่อพูดถึงประโยชน์ของการทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น ต้องบอกเลยว่าหลายคนอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ซึ่งก็มีประโยชน์ ดังนี้
1.ลดไขมันอิ่มตัวจากเนื้อสัตว์
เนื่องจากการทานเนื้อสัตว์น้อยลง จึงทำให้ร่างกายได้รับไขมันอิ่มตัวที่เป็นสาเหตุของภาวะคอเลสเตอรอลสูง
และการเกิดไขมันชนิดเลวจากเนื้อสัตว์น้อยลงไปด้วย ซึ่งก็ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก
เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคเบาหวาน โรคหัวใจและช่วยลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี
แม้จะยังคงทานเนื้อสัตว์อยู่บ้างแต่ก็ไม่ก่อให้เกิดผลเสียแน่นอน
2.ลดภาวะกรดเกินในร่างกาย
เมื่อทานเนื้อสัตว์มากๆ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะมีกรดเกิน ซึ่งก็เป็นอันตรายและอาจนำพาไปสู่โรคอื่นๆ ได้สูงทีเดียว
ดังนั้นการทานมังสวิรัติ จึงเป็นวิธีที่จะทำให้ร่างกายได้รับกรดจากเนื้อสัตว์น้อยลง และช่วยลดการสูญเสียแคลเซียมไปทางปัสสาวะได้ดีอีกด้วย
3.ปรับสมดุลฮอร์โมนให้คงที่
การทานผักมากๆ โดยเฉพาะถั่วเหลือง จะสามารถปรับสมดุลของฮอร์โมนให้คงที่ได้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาอารมณ์แปรปรวน
โกรธง่าย หงุดหงิดบ่อย ได้เป็นอย่างดี และสามารถป้องกันโรคต่างๆ ที่เกิดจากฮอร์โมนผิดปกติได้อีกด้วย
รวมถึงช่วยบรรเทาอาการที่มักจะเกิดกับวัยหมดประจำเดือนได้เช่นกัน
4.ช่วยลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ
มีปัญหาน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน ไม่ต้องหายาลดน้ำหนักมาทานให้ยุ่งยาก เพราะแค่เปลี่ยนวิถีการกิน
มาเป็นการทานอาหารแบบมังสวิรัติ ก็จะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณมีหุ่นสวยดั่งใจ
หมดกังวลไปได้เลย สำหรับใครที่อยากจะลดน้ำหนัก ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด
5.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
เพราะอาหารมังสวิรัติส่วนใหญ่ จะเป็นผักผลไม้และธัญพืชเป็นหลัก การทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น
ทำให้ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก โดยสารตัวนี้จะทำหน้าที่ในการต้านเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย
จึงช่วยให้สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น และส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูมีสุขภาพผิวที่ดีอีกด้วย
หลักการทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น
สำหรับการทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น ก็จะคล้ายๆ กับการทานมังสวิรัติแบบดั้งเดิม เพียงแต่จะมีหลักการทานเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยนั่นเอง
– ทานผักผลไม้ และธัญพืชเป็นหลักตลอดช่วงเวลา 7 วัน/สัปดาห์ โดยจะเน้นจำพวกผักผลไม้ที่มีธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 สูง
รวมถึงพืชที่เต็มไปด้วยโปรตีน เพื่อทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ขาดไปส่วนหนึ่ง
– พยายามเลี่ยงหรืองดอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เพราะเป็นเมนูทำลายสุขภาพ ซึ่งนอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว
ยังเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคไขมันอุดตันเส้นเลือดอีกด้วย
– สามารถทานเนื้อสัตว์ได้ สัปดาห์ละ 2-3 วัน แต่ก็ควรงดเว้นพวกเนื้อสัตว์ที่เต็มไปด้วยไขมัน โดยเนื้อสัตว์ที่แนะนำให้ทานมากที่สุด
ก็คือเนื้อปลานั่นเอง เนื่องจากมีโอเมก้า 3 สูง จึงมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก สามารถบำรุงและเสริมสร้างสมองได้ดี
– อย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แม้จะทานมังสวิรัติ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายได้
ความแตกต่างจากมังสวิรัติแบบดั้งเดิม
สำหรับคนที่ยังไม่เคยทานมังสวิรัติ อาจเกิดความสงสัยว่า การทานมังสวิรัติแบบนี้ มีความแตกต่างจากการทานมังสวิรัติแบบดั้งเดิมอย่างไร
ซึ่งต้องบอกเลยว่า การทานมังสวิรัติทั้งสองแบบก็ยังคงความคล้ายคลึงกัน ไม่แตกต่างกันมากนัก
เพียงแต่มังสวิรัติแบบดั้งเดิมจะเน้นการทานผักผลไม้และธัญพืชเป็นหลัก โดยงดทานเนื้อสัตว์อย่างเด็ดขาด
และทดแทนด้วยโปรตีนจากธัญพืชแทน ในขณะที่การทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่นจะมีความยืดหยุ่นสูง คือสามารถทานเนื้อสัตว์ได้บ้าง
แต่ไม่เกิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และไม่ค่อยเคร่งครัดเหมือนกับแบบดั้งเดิมมากนัก
ซึ่งก็เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มทานมังสวิรัติเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องฝืนตัวเองมากเกินไปนั่นเอง
Credit : parpaikin.com
สำหรับใครที่ต้องการทาน มังสวิรัติ แต่ไม่อยากอดเนื้อสัตว์ซะทีเดียว ลองเลือกทาน มังสวิรัติแบบยืดหยุ่น ดูสิ
อย่างน้อยก็ได้ทานเนื้อสัตว์สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน ไม่ขาดสารอาหารบางอย่างไป
เหมือนกับมังสวิรัติแบบดั้งเดิมอีกด้วย นอกจากนี้ การทานมังสวิรัติแบบนี้ก็ไม่ก่อให้เกิดความเคร่งเครียดจนเกินไป
ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมแค่ไหน ก็ต้องมาลองทานมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น ด้วยตัวเองกันดูแล้ว