เมล็ดเจีย (Chia Seed) เมล็ดธัญพืชที่อัดแน่นไปด้วยแหล่งคุณค่าทางโภชนาการสูง สรรพคุณของเมล็ดเจีย ช่วยทั้งบำรุงสุขภาพ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน และลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
ว่าแต่ ประโยชน์และสรรพคุณของเมล็ดเจีย และวิธีการรับประทานอย่างถูกต้อง ตลอดจนโทษที่ควรรู้มีอะไรบ้างนั้น มาติดตามพร้อมกันเลยค่ะ
สารอาหารจากเมล็ดเจีย
เมล็ดเจีย ในปริมาณเพียง 28 กรัม เปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะเหล่าวิตามิน แร่ธาตุกว่า 22 ชนิด
ตั้งแต่ วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไฟเบอร์ โฟเลท น้ำ ไขมัน
แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี กรดไขมันอิ่มตัว กรดไขมันไม่อิ่มตัว
และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งเมล็ดเจียในปริมาณดังกล่าวนี้ให้พลังงานแค่ 137 กิโลแคลอรี เท่านั้นเอง
ประโยชน์และสรรพคุณของเมล็ดเจีย
เมล็ดเจีย เมล็ดพืชจิ๋วที่มีประโยชน์มากมายมหาศาล ดีต่อสุขภาพอย่างน่าทึ่งนั้น เรามาดูกันนะคะว่า ประโยชน์และสรรพคุณของเมล็ดเจีย มีอะไรบ้าง
Credit : jamieoliver.com
1.บำรุงสุขภาพหัวใจ
ในเมล็ดเจียเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 และ 6 มีคุณสมบัติ ช่วยปรับสมดุลของระบบไหลเวียนโลหิตภายในร่างกาย
ช่วยลดคอเลสเตอรอล และระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ทำให้การลำเลียงเลือดดี ไหลเวียนเข้าไปบำรุงหัวใจได้ดีขึ้น จนส่งผลให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงยิ่งขึ้น
2.สมานแผลให้หายเร็ว
กรดไขมันโอเมก้า-3 จากเมล็ดเจีย สามารถเปลี่ยนมาเป็นสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ที่ออกฤทธิ์ช่วยแก้อาการอักเสบได้
จึงมีส่วนช่วยบรรเทาทั้งอาการเจ็บปวด ช่วยสมานแผลให้หายเร็ว ไม่เกิดอาการเรื้อรัง และยังป้องกันการติดเชื้อในบาดแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2
เมล็ดเจีย มีไฟเบอร์สูง และให้คาร์โบไฮเดรตต่ำ นับเป็นอาหารธัญพืช ที่มีส่วนช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล ด้วยเหตุนี้ จึงมีผลช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้
Credit : us.emedemujer.com
4.ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น
โปรตีน ไฟเบอร์ และกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีสูงจากในเมล็ดเจีย มีส่วนช่วยปรับสมดุลการทำงานของระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน หากอยากให้การลดน้ำหนักประสบความสำเร็จง่ายขึ้น ห้ามพลาดเด็ดขาด
5.ป้องกันโรคกระดูกพรุน
เมล็ดเจีย มีแร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัสและโปรตีน ที่ล้วนแล้วแต่จะช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ดังนั้น หากรับประทานเมล็ดเจียเป็นประจำ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน และลดภาวะกระดูกเปราะบางได้
6.บำรุงสมอง เสริมสร้างสมาธิ และความจำ
เพราะเมล็ดเจียอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 สูงกว่าปลาแซลมอนมากถึง 9 เท่า กรดไขมันดังกล่าว จึงมีคุณสมบัติช่วยบำรุงระบบประสาท
และการทำงานของสมองให้เป็นไปอย่างสมดุล ทั้งหมดนี้ จึงส่งผลให้สมองเกิดกระบวนการเรียนรู้ และการจดจำที่ดีขึ้นนั่นเอง
7.ปรับระบบย่อยอาหารให้ทำงานอย่างสมดุล
ในเมล็ดเจีย มีไฟเบอร์อยู่ประมาณ 34.4 กรัม ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
โดยไฟเบอร์ในปริมาณดังกล่าว สามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหาร ทำงานอย่างสมดุลได้นั่นเอง
8.ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้แข็งแรง
กระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ล้วนต้องการสารอาหารเข้ามาช่วยในการซ่อมแซมด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งในเมล็ดเจีย
มีทั้งโปรตีนและฟอสฟอรัส ที่มีส่วนช่วยบำรุงเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ร่างกาย สามารถดูดซึมนำเอาสารอาหารเหล่านั้นไปใช้
ในกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างเต็มที่ การซ่อมแซมและบำรุงเซลล์เนื้อเยื่อ ก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
ประโยชน์จากเมล็ดเจีย ลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้อย่างไร?
เคยสงสัยมั้ยคะว่า ทำไมเมล็ดเจียจึงเป็นอาหารลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี? ซึ่งการที่เมล็ดเจียมีคุณสมบัติทำให้อิ่มท้องนาน โดยให้แคลอรีต่ำ
ช่วยควบคุมความอยากอาหารลงได้ และไม่ก่อให้เกิดไขมันสะสมภายในร่างกาย ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนั้น ก็เพราะเมล็ดเจียมีกลไกการทำงาน 3 อย่างดังนี้
Credit : lilcoco.jp
1.ดูดซึมของเหลวได้ดี
เพราะเมล็ดเจียมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ เมื่อเรานำเมล็ดเจียแช่ในของเหลวอย่างนม น้ำผลไม้ หรือแม้แต่น้ำเปล่า
ตัวเมล็ดก็จะอุ้มน้ำเอาไว้ เกิดการดูดซึมของเหลวไปกักเก็บไว้ภายในเมล็ดได้ดี และเมื่อรับประทานเข้าไป
ไฟเบอร์จากเมล็ดเจีย ก็จะขยายตัวภายในกระเพาะอาหาร จนทำให้เรารู้สึกอิ่มท้องนาน และลดอาการหิวจุบจิบได้นั่นเอง
2.ช่วยให้เกิดการย่อยอย่างช้าๆ
โดยปกติแล้ว การย่อยของไฟเบอร์นั้นค่อนข้างเป็นไปได้ง่าย แต่ยกเว้นไฟเบอร์จากเมล็ดเจียที่ระบบย่อยอาหาร
ไม่สามารถทำการย่อยให้สลายไปได้ภายในพริบตา ตรงกันข้าม มันจะเกิดการย่อยทีละน้อยๆ
และนี่ก็คือ อีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้รับประทานเมล็ดเจียแล้วอิ่มนาน และไม่มีอาการหิวโหยในระหว่างมื้อ
3.ให้สารอาหารต่อร่างกายอย่างเพียงพอ
อีกหนึ่งสาเหตุที่เรามีอาการอยากกินจุบกินจิบในระหว่างวัน ก็เพราะร่างกายขาดสารอาหารด้วยนั่นเอง
แต่การรับประทานเมล็ดเจีย นอกจากเป็น อาหารลดน้ำหนัก ที่ได้ผลแล้ว ยังทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารหลายชนิด อย่างเพียงพออีกด้วย
Credit : limalimon.cl
โทษจากเมล็ดเจีย ใครบ้างที่ไม่ควรรับประทาน?
แม้เราจะทราบดีว่า ประโยชน์และสรรพคุณของเมล็ดเจีย มีมากมายเพียงใด แต่อาหารทุกชนิดก็ล้วนมีทั้งผลดี ผลเสียด้วยกันทั้งสิ้น
เมล็ดเจียก็เช่นเดียวกัน เรามาดูกันนะคะว่า โทษจากเมล็ดเจีย มีอะไรและใครบ้างที่ไม่ควรรับประทาน
1.ผู้ที่มีปัญหาในระบบกระเพาะอาหาร และลำไส้
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เกี่ยวกับระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร มีอาการแสบร้อนกลางอก และกรดไหลย้อน
ไม่ควรรับประทานเมล็ดเจียเด็ดขาด เพราะเส้นใยของเมล็ดเจียจะเข้าไปขยายตัวภายในกระเพาะมากขึ้น ถึงร้อยละ 25
ร่างกายจึงต้องกระตุ้นให้ตับอ่อน เร่งผลิตน้ำย่อยออกมาเพิ่มมากขึ้น ทำให้อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่รุนแรงหนักกว่าเดิม และยังรบกวนการทำงานของตับอ่อนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
2.ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือศัลยกรรม
ผู้ที่ต้องเข้รับการศัลยกรรม ผ่าตัดหรือหากมีประวัติการใช้ยาแอสไพริน แนะนำว่าไม่ควรรับประทานเมล็ดเจีย
เพราะเมล็ดเจียจะส่งผลให้หลอดเลือดบางลง โดยอาจมีผลกระทบต่อการเกิดภาวะฮีโมฟิเลีย (Haemophiliacs) หรือภาวะเลือดแข็งตัวช้า ซึ่งจะทำให้เลือดไหลไม่หยุดในระหว่างผ่าตัดได้
3.ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมลูก
ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมลูก ควรงดรับประทานเมล็ดเจีย เพราะจะมีผลต่อสารอาหารในน้ำนมให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
Credit : infokids.gr
4.ผู้ชายที่มีปัญหาต่อมลูกหมาก
มีผลงานวิจัยได้เปิดเผยว่า ผู้ชายไม่ควรรับประทานเมล็ดเจียมากเกินไป เนื่องจากเมล็ดเจียมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว แอลฟา ลิโนเลอิก (alpha-linoleic acid)
โดยกรดดังกล่าวจะเข้าไปกระตุ้นร่างกาย ให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังคงต้องทำการศึกษาวิจัยต่อไป และถ้าจะให้ดี ผู้ชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก ควรงดบริโภคก็จะดีที่สุด
5.ผู้ที่ทานพร้อมอาหารเสริมวิตามินบี 17
สำหรับผู้ที่รับประทานเมล็ดเจีย พร้อมกับอาหารเสริมวิตามินบี 17 ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการสะสมของสารไฟโตนิวเทรียนท์ ในร่างกายปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารพิษที่จะนำมาสู่การเกิดโรคมะเร็งได้ในที่สุด
6.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำ
เพราะเมล็ดเจียมีผลกับแรงดันเลือด ในขณะที่หัวใจคลายตัวให้มีระดับต่ำลง (Diastolic blood pressure) ฉะนั้น ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ จึงไม่ควรรับประทาน เพราะอาจทำให้เกิดอาการช็อก หรือหมดสติได้
Credit : healthcarethai.com
7.ผู้ที่ต้องการรับประทานติดต่อกันนาน
แม้ว่า ประโยชน์จากเมล็ดเจีย จะมีมากมาย แต่หากรับประทานติดต่อกันนานเป็นเวลาหลายปี ก็อาจส่งผลให้ร่างกายเกิดการเสพติดและเลิกได้ยาก ดังนั้น แนะนำให้เว้นช่วงในการรับประทานบ้างจะดีที่สุด
วิธีรับประทานเมล็ดเจียอย่างถูกต้อง
เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จนส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ
และทำให้ร่างกายขาดน้ำ เป็นต้น เราจึงควรทราบ วิธีรับประทานเมล็ดเจียอย่างถูกต้อง โดยควรทำดังนี้
แช่เมล็ดเจียให้นานเพียงพอก่อนทาน
สำหรับผู้ที่เริ่มทานใหม่ๆ กระเพาะอาหารและลำไส้ อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับเมือกลื่นๆ ของเมล็ดเจีย จึงทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
และส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าขึ้น ดังนั้น วิธีการรับประทานเมล็ดเจียที่ถูกต้อง เราจึงควรแช่เมล็ดเจียก่อนรับประทานนาน 15-30 นาที
หรือหากแช่นานกว่านั้นได้ก็จะยิ่งดีมาก โดยอัตราส่วนโดยประมาณระหว่างน้ำ และเมล็ดเจียที่แช่ คือ เมล็ดเจีย 1 ส่วนต่อน้ำ 9 ส่วน หรือจะนำมาโรยบนเมนูอาหารประเภทน้ำก็ได้เช่นกัน
Credit : dailyburn.com
ดื่มน้ำให้มากเพียงพอ
เนื่องจาก เมล็ดเจีย มีคุณสมบัติคล้ายดั่งฟองน้ำ หากรับประทานเข้าไปแล้ว มันจะคอยดูดซับน้ำ หรือของเหลวออกจากร่างกายของเรา
ดังนั้น ผู้ที่รับประทานเมล็ดเจียจึงควรดื่มน้ำสะอาดมากๆ โดยสามารถดื่มได้ทั้งน้ำเปล่าและน้ำผลไม้
ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะเครื่องดื่ม 2 ชนิดนี้ จะคอยดูดซับน้ำออกจากร่างกายด้วยเช่นกัน
ทราบกันไปแล้วนะคะ สำหรับ ประโยชน์และสรรพคุณของเมล็ดเจียที่มีต่อสุขภาพ การลดน้ำหนัก
วิธีรับประทานอย่างถูกต้อง รวมถึง โทษของเมล็ดเจีย กับข้อต้องห้ามที่ไม่ควรบริโภคในบางราย
หากคุณใส่ใจรับประทานอาหารทุกชนิดด้วยความเข้าใจดีแล้ว สุขภาพที่ดีและการมีหุ่นสวย ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอนค่ะ