อาการขาดแมกนีเซียม หรือแมกนีเซียมต่ำ อันตรายไหม มีวิธีรักษาอย่างไร?

อาการขาดแมกนีเซียม หรือแมกนีเซียมต่ำ

อาการขาดแมกนีเซียม หรือ แมกนีเซียมต่ำ (Hypomagnesemia) เป็นอาการที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่รู้ด้วยว่า

แมกนีเซียมมีความสำคัญอย่างไรต่อร่างกาย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วนั้น แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของเซลล์ การทำงานของกล้ามเนื้อ ร่วมทั้งการเปลี่ยนแปลงพลังงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวเคมี

ล้วนเกี่ยวข้องกับแมกนีเซียมทั้งหมด แต่หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของแมกนีเซียม ก็คือการสังเคราะห์โปรตีน

และการมีส่วนร่วมในกระบวนการเผาผลาญไขมัน และน้ำตาลของร่างกาย

อาการขาดแมกนีเซียม หรือแมกนีเซียมต่ำ คืออะไร ?

ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นนั้น ก็คงจะทำให้เห็นภาพรวมของแมกนีเซียม (Magnesium) มากยิ่งขึ้น

ว่ามีความสำคัญอย่างไรต่อร่างกายมนุษย์ ตามปกติแล้ว ร่างกายคนเราจะต้องได้รับแมกนีเซียมอย่างน้อยวันละ 400 มิลลิกรัม

ถ้าหากได้รับไม่พอก็จะทำให้เกิดอาการขาดแมกนีเซียมได้ และถ้าหากยังไม่มีการดูแล

หรือรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของแมกนีเซียมเป็นการชดเชย ก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลเซียมในเลือดตามมาอีกด้วย

ซึ่งจะมีความรุนแรงมากขึ้น และอาจสร้างความเสียหายให้กับร่างกาย จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

อาการของผู้ขาดแมกนีเซียม หรือแมกนีเซียมต่ำ

ถึงแม้ว่า อาการขาดแมกนีเซียม อาจจะไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ก็สามารถสร้างความทรมานและความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยได้ โดยมีอาการทั่วไป คือ

  • การเกิดตะคริวตามกล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
  • การเคลื่อนไหวที่ไม่คล่องตัว บางครั้งอาจจะมีการกระตุกของกล้ามเนื้อร่วมอยู่ด้วย
  • การเป็นโรคไมเกรน
  • ภาวะนอนไม่หลับ ที่ส่งผลให้ไม่สามารถทานอาหารได้ จนน้ำหนักลดด้วยความรวดเร็ว
  • มีปัญหาผิดปกติทางระบบประสาท เช่น อารมณ์แปรปรวนตลอดเวลา หงุดหงิดง่าย เกิดความสับสนไม่แน่ใจ
  • ความดันโลหิตสูง
  • หากมีการขาดแมกนีเซียมในปริมาณมาก อาจมีปัญหาเรื่องของระบบไหลเวียนโลหิต ที่ทำให้เส้นเลือดอุดตัน จนส่งผลกระทบกับเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายออกซิเจนในร่างกาย บางรายอาจถึงขั้นเกิดปัญหาหลอดเลือดในสมองอุดตัน

สาเหตุของการขาดแมกนีเซียม หรือแมกนีเซียมต่ำ

ปัญหาหลัก ๆ ในเรื่องของการขาดแมกนีเซียม คือการรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้

ที่มักจะมีแมกนีเซียมมากกว่าอาหารประเภทอื่น ๆ แต่ก็ยังมีผู้ป่วยอีกหลายคนที่ขาดแมกนีเซียม จากสาเหตุดังต่อไปนี้

โรคเบาหวาน ปกติแล้วคนที่เป็นโรคเบาหวาน จะมีปัญหาเรื่องของการขับถ่ายปัสสาวะบ่อยเป็นพิเศษ และปัจจัยส่วนหนึ่ง

ที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน ก็คือการขาดแมกนีเซียม จึงทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกายได้

และเมื่อมีการปัสสาวะบ่อย ๆ เข้า ก็ยิ่งทำให้แมกนีเซียมสลายออกไปกับปัสสาวะอีกด้วย

ผู้ที่มีปัญหา หรือภาวะเสพติดแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์จะเป็นตัวขับไล่แมกนีเซียมออกจากร่างกายมากขึ้นกว่าเดิม

ผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของระบบย่อยอาหาร เช่น โรคเกี่ยวกับลำไส้ หรือโรคเกี่ยวกับกระเพาะ จนทำให้ไม่สามารถดูดซึมแมกนีเซียมได้ตามปกติ

ผู้สูงอายุที่ต้องทานยาบางประเภท อย่างเช่น ยาขับปัสสาวะในผู้ป่วยที่เป็นโรคนิ่ว หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด

วิธีรักษาอาการขาดแมกนีเซียม

สำหรับการรักษาที่อาการขาดแมกนีเซียมหรือแมกนีเซียมต่ำง่ายที่สุด ก็คือ การทานอาหารที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุแมกนีเซียม

หรือทานอาหารเสริมแมกนีเซียม ในปริมาณตามที่แพทย์สั่ง และถ้าหากการขาดแมกนีเซียมนี้ มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ

แพทย์ก็จะทำการรักษาต่อไป เช่น หากมีอาการขาดแมกนีเซียมจากโรคเบาหวาน แพทย์ก็จะทำการรักษาโรคเบาหวานควบคู่ไปด้วยนั่นเอง

อาหารป้องกันอาการขาดแมกนีเซียม

ในส่วนของการป้องกันอาการแมกนีเซียมต่ำนั้น ก็ไม่ต่างกับการรักษามากนัก ก็คือการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงดังต่อไปนี้

1.ผักโขม – ผักโขม 1 ถ้วย สามารถให้แมกนีเซียมได้มากถึง 24 มิลลิกรัม แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการของโรคไต

หรือโรคหัวใจร่วมอยู่ด้วยก็ควรหลีกเลี่ยงการทานผักโขม เพราะอาจจะมีปัญหาเรื่องโซเดียมสูงตามมาได้

2.ดาร์คช็อคโกแลต – อาจจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เพราะดาร์คช็อคโกแลตมักจะขึ้นชื่อเรื่องความขมที่ทำให้หลาย ๆ คนต้องสั่นหัว

แต่ความจริงแล้ว ดาร์คช็อคโกแลต เป็นอาการเสริมแมกนีเซียมที่วิเศษมาก เพราะนอกจากจะเติมแมกนีเซียมให้ร่างกายเป็นปกติแล้ว

ยังสามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นบ่อเกิดของริ้วรอยต่าง ๆ ตามร่างกาย และยังช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดียิ่งขึ้น

3.นมสด – นมสด 1 แก้ว ให้แมกนีเซียมได้มากถึง 27 มิลลิกรัม และยังช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย ยิ่งถ้าได้ทานคู่กับกล้วยหอม หรือกล้วยชนิดอื่น ๆ

ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มแมกนีเซียมให้กับร่างกายได้เกือบถึง 1/4 ที่ควรได้รับต่อวันเลย

4.ถั่วดำ – ถั่วดำเพียง 1 ถ้วย ให้แมกนีเซียม 120 มิลลิกรัม เรียกได้ว่าสูงที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหมด

แต่ส่วนมากมักจะนำมาใช้เพื่อการทำขนมหวานมากกว่าประกอบอาหารชนิดอื่น ๆ ดังนั้นจึงควรจะคำนึงเรื่องของน้ำตาล

โดยเฉพาะการให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานรับประทานด้วย นอกจากนี้ผู้ป่วยก็ควรรับประทานอาหารเสริมตามที่แพทย์สั่ง

และควรพักผ่อนให้เพียงพอสม่ำเสมอ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้ได้อีกครั้ง

แมกนีเซียม

Credit : pobpad.com

อาการขาดแมกนีเซียม หรือ แมกนีเซียมต่ำ จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มักจะมีปัญหากับเรื่องกระดูก

และระบบการทำงานของร่างกายที่เริ่มเสื่อมสภาพไปตามอายุ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปหาอาหารเสริมที่วางขายตามท้องตลาด

และห้างสรรพสินค้าทั่วไปมาบริโภคเอง เพราะอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการรับแมกนีเซียมที่มากเกินไปของร่างกาย ซึ่งจะส่งผลเสียอื่น ๆ อีกมากมายตามมา