แคลเซียม (Calcium) เป็นส่วนประกอบที่จัดอยู่ในกลุ่มแร่ธาตุที่สำคัญในการเจริญเติบโตของร่างกาย มีปริมาณมากที่สุดราว 1,200 กรัม
โดยทั่วไปจะพบมากถึงร้อยละ 50 อยู่ในส่วนของกระดูกและฟัน จับตัวกันเป็นลักษณะของก้อนผลึกร่วมกับฟอสฟอรัส เรียกว่า “เกลือ Calcium Phosphates”
หน้าที่ของแร่ธาตุชนิดนี้ไม่ใช่แค่เป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ยังจับตัวกันอยู่ในเลือดร่วมกับโปรตีน และยังพบแคลเซียมที่ลอยอิสระอยู่ในเลือดด้วย
หน้าที่หลักๆ ของแคลเซียมคือการช่วยให้เลือกแข็งตัว ทำให้กระดูกในส่วนต่างๆ ของร่างกายแข็งแรง
มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบกล้ามเนื้อประสาท การหดและยืดตัวของกล้ามเนื้อทั่วไป
ซึ่งรวมไปถึงกล้ามเนื้อที่สำคัญอย่างกล้ามเนื้อหัวใจด้วย ดังนั้นสาวๆ จึงจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมในแต่ละวันให้เพียงพอกับความต้องการ เพื่อป้องกันการเกิดโรค
ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เพราะกระดูกที่มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบจะสลายตัวออกเมื่ออายุมากขึ้น หากมีการสลายตัวอย่างรวดเร็ว เสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน
แม้จะมีการสลายออกและสร้างใหม่ขึ้นมาก็ตาม แต่การสร้างใหม่บางครั้งไม่สมดุลกับที่สูญเสียไป
โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดแคลเซียม จนทำให้กระดูกเปราะบางได้ง่าย
หากสาวๆ พบว่าไม่มั่นใจกับการกินอาหารในแต่ละวันจะได้รับแคลเซีมเพียงพอหรือไม่
อีกทั้งยังมีแหล่งสารอาหารบางชนิดที่มักเข้าไปขัดขวางการทำงานของแคลเซียมให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเพียงเล็กน้อย
หนึ่งในทางเลือกทดแทนแคลเซียมจากธรรมชาติ คือการเลือกกิน “แคลเซียมชนิดเม็ด” เพิ่มเข้าไป
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อหามารับประทาน สาวๆ ควรรู้ถึงความต้องการแคลเซียมของร่างกาย
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด และลดอันตรายจากการที่ร่างกายได้รับแคลเซียมมากเกินไปตามมาเอาได้ค่ะ
ปริมาณของแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
1.ในผู้หญิงปริมาณแคลเซียมที่ต้องการจะมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในวัยใกล้หมดประจำเดือน ร่างกายจะต้องการแคลเซียมอยู่ที่ 1,000-1,500 มิลลิกรัม
2.วัยรุ่นที่เป็นวัยกำลังเจริญเติบโต อายุตั้งแต่ 9-20 ปี จะมีพัฒนาการด้านร่างกายมากที่สุด
ดังนั้นจะมีความต้องการแคลเซียมอยู่ที่ 1,000-1,200 มิลลิกรัม เกือบเทียบเท่าในวัยผู้ใหญ่
3.วัยเด็กควรได้รับแคลเซียมอยู่ที่ 600 มิลลิกรัม ส่วนในวัยผู้ใหญ่ทั่วไปที่มีร่างกายปกติ เฉลี่ยแล้วควรได้รับอยู่ที่ 800-1,000 มิลลิกรัม
4.ผู้สูงอายุที่เข้าสู่วัยทองแล้ว รวมถึงในหญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับแคลเซียมในปริมาณ 1,500 มิลลิกรัมขึ้นไป
จะเห็นว่าร่างกายจะมีความต้องการแคลเซียมแตกต่างกันออกไปในแต่ละช่วงวัย
อย่างไรก็ตามในแต่ละวันอาหารที่กินเข้าไป ร่างกายจะได้รับแคลเซียมอยู่เพียงแค่ 200-300 มิลลิกรัมเท่านั้น
หากไม่สามารถกินแคลเซียมในธรรมชาติได้เพียงพอกับความต้องการ ก็จำเป็นต้องกินแคลเซียมเสริมเข้ามา
เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดแคลเซียม จนทำให้สุขภาพอ่อนแอตามมาในอนาคต
ทำความรู้จักแคลเซียมชนิดเม็ด
แคลเซียมชนิดเม็ดมีวัตถุดิบมาจากการหินปูนชนิดที่สามารถกินได้ ซึ่งก็คือแคลเซียมคาร์บอเนต
เป็นแคลเซียมที่ได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสม แต่บางชนิดจะผสมกับกรด เช่น แคลเซียมซิเตรท
เป็นตัวช่วยให้เกิดการดูดซึมไดดีกว่าหินปูนชนิดแรก มีทั้งแบบเม็ดและแบบเม็ดฟู่ ซึ่งจะใส่วิตามินดีลงไปด้วย
ซึ่งจะให้ผลดีกว่าแคลเซียมชนิดเม็ดอื่นๆ เนื่องจากมีการดูดซึมได้ดี
อย่างไรก็ตามมีแคลเซียมราคาถูกที่ควรระวัง สาวๆ จึงไม่ควรเลือกซื้อชนิดที่มีราคาถูกมากจนผิดสังเกต
เพราะส่วนใหญ่เป็นการนำเอากระดูกวัว หรือกระดูกควายป่นมาอัดเม็ด หากรับประทานเข้าไป
เสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับสารปรอท ตะกั่ว และโลหะหนักอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมที่ทำจากหินปูนภูเขาไฟ เป็นตัวการทำให้เกิดนิ่ว
เนื่องจากร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ แถมบางชนิดกินเข้าไปแล้วไม่ละลาย ขับถ่ายออกมาเป็นก้อนเม็ดเช่นเดิมได้อีกด้วย
เคล็ดลับในการกินแคลเซียมชนิดเม็ดให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
1.หลีกเลี่ยงการกินร่วมกับผัก ซึ่งมักมีผลึกออกซาลิกมาก เสี่ยงทำให้เกิดการรวมตัวกลายเป็นโรคนิ่วตามมา เช่น คื่นช่าย, ยอดผัก, ใบชะพลู และผักโขม เป็นต้น
2.ควรแบ่งกินแคลเซียมชนิดเม็ดเป็น 2 มื้ออาหาร และหากเป็นชนิดของแคลเซียมคาร์บอเนต
ควรกินหลังอาหาร การแบ่งกินแบบนี้จะทำให้ร่างกายค่อยๆ ดูดซึมได้ดีกว่าการกินหมดภายในมื้อเดียว
3.ปริมาณแคลเซียมที่เหมาะสมจะต้องแบ่งตามช่วงวัย หากเป็นวัยเด็กอยู่ที่ 200-600 มิลลิกรัม,
ผู้ใหญ่วัยทำงาน 1,000 มิลลิกรัม ส่วนในผู้หญิงวัยทอง ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับมากถึง 1,200-1,500 มิลลิกรัม
4.คนที่เหมาะสมสำหรับกินแคลเซียมเสริม คือคนที่ไม่ค่อยชอบกินอาหารสดจากธรรมชาติ เช่น ปลาเล็กปลาน้อย,
เนื้อสัตว์, กุ้งแห้ง, กระดูกอ่อน เป็นต้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนชอบกินอาหารแปรรูป เช่น ขนมปัง, ไส้กรอก,
แฮมเบอร์เกอร์ หรือของหมักดอง ในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มักมีภาวะขาดแคลเซียมในร่างกายตามมาในอนาคต
Photo Credit : forgoodness-sake.com
การกินแคลเซียมชนิดเม็ดไม่ถือว่ามีความจำเป็นเสมอไป เนื่องจากชนิดที่มีคุณภาพดี ปลอดภัย จะมีราคาสูง
ทางที่ดีที่สุดคือการหันมาเลือกกินอาหารตามธรรมชาติให้ครบหลักโภชนาการ เพื่อร่างกายจะได้รับแคลเซียมที่เพียงพอ
แถมไม่ต้องมากังวลกับสารปนเปื้อนที่มาจากหินปูนธรรมชาติที่ไม่ได้มาตรฐาน นอกเสียจากว่าร่างกายมีความจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมเสริมจริงๆ
การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ย่อมดีกว่าซื้อหามารับประทานเองอย่างแน่นอนค่ะ