โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นหนึ่งในตัวการที่กำลังคุกคามผู้คนในสังคมเมืองเป็นอย่างมาก
แม้มันจะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่าภาวะที่เกิดขึ้นแบบเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายอย่างรุนแรง
ซึ่งเชื่อว่าในโรคนี้พบได้มากในกลุ่มสาวออฟฟิศ ที่อยู่ในยุคสาว working women สมัยใหม่
การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ตามมาด้วยความกดดัน และความเครียดอย่างหนัก
ส่งผลให้ร่างกายทำงานผิดปกติ นอนหลับไม่เต็มอิ่ม หรืออาจรุนแรงถึงขึ้นนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
ช่วงแรกของปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพียงแค่อาการนอนไม่หลับทั่วไป แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ยอมดูแล
สาวๆ อาจจะกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ ที่มีผลข้างเคียงตามมาอย่างมากมาย จนทำให้คุณภาพชีวิตย่ำแย่ลงเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ
ทำความรู้จักกับโรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
การนอนหลับจึงเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ เมื่อพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่ม ก็ย่อมส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม
สาวๆ จึงควรสังเกตตัวเองว่า ในแต่ละวันเราจะต้องใช้เวลานอนหลับประมาณ 1 ใน 3 ของเวลาทั้งหมด
ส่วนมากก็จะนอนหลับอย่างน้อยเฉลี่ย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็มีบางกลุ่มที่ใช้เวลานอนเพียง 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น
แต่หากใครที่มีปัญหาการนอนไม่หลับเกิดขึ้น โดยพบว่าร้อยละ 10 เกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นภาวะเรื้อรัง
ก่อนที่ความรุนแรงจะเข้าสู่การเป็นโรค เบื้องต้นจะเป็นเพียงอาการนอนไม่หลับทั่วไป ที่สามารถหายไปเองได้เมื่อสภาพจิตใจและสิ่งที่เป็นต้นเหตุจางลง
แต่หากอาการยังคงต่อเนื่องและยกระดับ ก็จะถูกจัดให้กลายเป็นโรค ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา เนื่องจากร่างกายของเราจำเป็นต้องได้รับการบำรุงซ่อมแซม
การปล่อยให้ตัวเองนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่อง ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งกายและใจ เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควรได้
ผลกระทบจากภาวะนอนไม่หลับ
ภาวะนอนไม่หลับที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสาวๆ แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่ามีปัญหาจากการนอนมากน้อยแค่ไหน
โดยทั่วไปที่พบไม่ต่างกัน คือ คุณภาพชีวิตย่ำแย่ลงกว่าเดิม ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง มีอาการปวดศีรษะ เวียนหัว อ่อนเพลีย
สมาธิสั้น เฉื่อยชา ไม่สดชื่นร่าเริง หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน และเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากการขับรถยนต์ ซึ่งมีโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 2.5 เท่า
สำหรับสาวๆ แล้ว ทราบหรือไม่คะว่า ภาวะนอนไม่หลับไม่ได้ส่งผลเพียงเท่านี้
แต่สำหรับคนที่รักสวยรักงาม อาจจะต้องเสี่ยงกับสภาพปัญหาผิวต่างๆ ตามมา
ไม่ว่าจะเป็น สภาพผิวที่หย่อนคล้อยก่อนวัย ทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำ มีริ้วรอย เนื่องจากการหลังฮอร์โมนคอร์ติซอลล์เพิ่มขึ้นมา
ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้ คือตัวการที่ตรงเข้าทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวของสาวๆ เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว
และยังทำให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มสูง การควบคุมความอยากอาหารลดลง
เนื่องจากการนอนไม่หลับจะเข้าไปส่งผลกระทบต่อสมองที่เชื่อมต่อกับความรู้สึกหิว
เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกอยากกินของหวาน ขนมขบเคี้ยว สมองส่วนอะมิกดาลลาจะถูกกระตุ้น ทำให้เกิดความหิวตามมาได้ตลอดเวลาเลยทีเดียว
การดูแลตัวเองให้นอนหลับได้ดีขึ้น
สาวๆ ที่มีปัญหานอนไม่หลับ อย่าปล่อยให้อาการรุนแรงจนกลายเป็นโรคเรื้อรัง
คนที่มีปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่ จะเป็นส่วนหนึ่งของโรคออฟฟิศซินโดรม มีความเครียดและภาวะนอนไม่หลับเชื่อมโยงด้วยกัน
การแก้ไขที่ดีคือการหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งในแต่ละบุคคลจะมีต้นตอของการเกิดที่แตกต่างกัน
บางคนก็เป็นอาการที่ต่อเนื่องมาจากการทำงานเป็นสิบๆ ปี มีภาวะเครียดรุมเร้า จนติดเป็นนิสัย
แม้จะเหมือนเป็นการทำที่ยาก แต่ทางออกคือ พาตัวเองออกมาจากความเครียดนั้นๆ ด้วยการออกไปผ่อนคลายตัวเองในวันหยุด จัดตารางการทำงานให้พอดี ไม่หักโหมร่างกายจนเกินไป
ถ้ารู้สึกเครียดในระหว่างทำงาน ลองหยุดพัก ลุกออกไปยืดเส้นยืดสาย มองต้นไม้สีเขียว หรือหลับตาผ่อนคลายตัวเองสักพักหนึ่งก่อนค่อยกลับมาทำงานต่อ
Photo Credit : sleeptoliveinstitute.com
เมื่อความเครียดลดลง ก็จะช่วยให้สาวๆ สามารถนอนหลับได้ดีขึ้น เรียกคุณภาพชีวิตที่ดีให้กลับคืนมา
แต่สำหรับใครที่มีปัญหานอนไม่หลับเรื้อรัง อย่างหนัก จนกระทบต่อหน้าที่การงาน และชีวิตประจำวันทุกอย่าง การใช้วิธีข้างต้นอาจจะไม่ได้ผล
ดังนั้น ควรได้รับการปรึกษาจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ถูกต้อง เพื่อการรักษาที่ช่วยให้สาวๆ กลับมามีความสุขกับการดำเนินชีวิตได้อีกครั้งนั่นเองค่ะ