วิธีลดน้ําหนักแบบผิดๆ ตัวทำลายระบบเผาผลาญพัง! ที่อาจไม่ทันระวังตัว

 

วิธีลดน้ําหนัก

เชื่อว่านี่จะเป็นวิธีลดน้ําหนักที่ผิดพลาด หัวข้อใหญ่ๆ ที่ส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป

กลายมาเป็นปัญหาที่ทำให้การลดความอ้วนไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่มันนิ่งคงที่

และไขมันที่ดูแล้วไม่มีทีท่าจะลดลงเลย เพราะความเชื่อแบบผิดๆ ถูกๆ ที่สั่งสมกันมา

ไม่ว่าจะเป็นคนนั้นบอกหรือคนนี้บอก พอเอามารวมๆ กันเข้าก็กลายเป็นอารมณ์เหมือนประมาณว่าการสรุปรวบรัดเอาเองไปเลยตามความเข้าใจที่ได้

คนลดน้ำหนักได้ผล ประสบความสำเร็จก็มี แต่ก็ยังมีกลุ่มที่ฝั่งอยู่กับความเชื่อที่เป็นเท็จในวิธีการลดน้ําหนัก

ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหารหรือกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยวิธีไม่กินคาร์โบไฮเดรตเลยสักนิดเดียว

ล้วนเป็นข้อผิดพลาดในการลดความอ้วนทั้งสิ้น ลองมาดูกันว่าหลักๆ

แล้วปัญหาใหญ่ที่เป็นตัวการทำให้ไม่สามารถลดน้ําหนักได้ดั่งใจ อาจจะมาจากพฤติกรรมความมั่วของเราเองก็เป็นได้ค่ะ

ทำความเข้าใจหัวใจหลัก วิธีลดน้ําหนักที่แท้จริง

หัวใจของการลดน้ำหนักให้ได้ผล เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า การลดน้ำหนักจะต้องเริ่มจากการกินอาหารในสัดส่วนที่พอเหมาะ

สารอาหารที่กินเข้าไป จะนำไปเป็นพลังงานในชีวิตประจำวัน ดังนั้น พลังงานที่รับเข้ามาจะต้องน้อยกว่าพลังงานที่ถูกใช้ออกไป

เป็นเพียงข้อสรุปที่ง่ายแสนง่าย แต่กลับไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำ เพราะสัดส่วนของพลังงานที่รับเข้ามาก็จะต้องอยู่ในหมวดหมู่ที่เหมาะสมด้วย

การกินอาหารที่มากเกินไป ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีแคลอรี่สูง

สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวร่างกายที่น้อยเกินไป เมื่อต้องการลดน้ำหนัก

สิ่งที่ต้องทำคือ “กินให้น้อยลง” แต่ไม่ใช่ “อดกิน” แล้วการกินให้น้อยลงในแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันออกไปตามกิจกรรมการทำงาน วิถีชีวิต

พลังงานของคนที่ทำงานแบกหามย่อมต้องมากกว่าคนที่นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั่นเอง

วิธีลดน้ําหนักง่ายๆ ต้องรู้จักกับ BMR กับ TDEE กันก่อน

1.ค่า BMR (basal metabolic rate) เป็นสูตรของ Harris Benedict Formula

จะใช้สำหรับการคำนวณหาระบบการเผาผลาญพลังงานที่เหมาะสมสำหรับร่างกายในแต่ละวันของเรา

จะได้ออกมาเป็นอัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐาน (อ่านเพิ่มเติม: ค่า BMR คืออะไร?)

พลังงานที่ได้ออกมาจะเป็นค่าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานขั้นพื้นฐานของร่างกาย

นั่นก็คือ การสูบฉีดเลือด การเต้นของหัวใจ การทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ฯลฯ

2.ค่า TDEE (total daily energy expenditure) คือค่าพลังงานโดยรวมที่เราใช้ทั้งหมดในชีวิตประจำวัน

ซึ่งจะหมายถึงค่าแคลอรี่ขั้นพื้นฐานที่ร่างกายต้อการนำไปใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน นั่ง นอน ออกกำลังกาย หายใจ วิ่ง ฯลฯ

ความเชื่อผิดๆ ระหว่างค่า BMR กับ TDEE

1.มีความเชื่อแบบผิดๆ ว่าค่า TDEE กับค่า BMR เป็นค่าเดียวกัน บางคนใช้สูตรการคำนวณตัวเดียวกันอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นบางคนยังใช้สูตรคำนวณของ BMR ไปใช้แทนสูตร TDEE สลับกันมั่วไปหมด

2.ความต่างของค่าทั้งสองนี้ ให้สังเกตใหม่แบบเข้าใจง่ายคือ TDEE จะเท่ากับค่า BMR+พลังงานต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

เนื่องจากที่กล่าวไปข้างต้น BMR เป็นค่าพื้นฐานที่ร่างกายต้องใช้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการหายใจ

หรือทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในไปจนถึงระดับเซลล์เลยทีเดียว แม้เราจะนอนเฉยๆ ก็จะหมายถึงการใช้พลังงาน BMR ด้วย

3.อย่าเข้าใจผิดเมื่อคำนวณค่า BMR ออกมาแล้ว คิดว่าเป็นค่าพลังงานพื้นฐานที่ต้องใช้

ซึ่งจริงๆ แล้วเลือกกินอาหารให้ได้แคลอรี่น้อยกว่าพลังงานจากค่า BMR

ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เราต้องยึดหลักของ TDEE เอาไว้จึงจะเป็นวิธีการลดน้ําหนักอย่างถูกต้องและปลอดภัย

วิธีลดน้ําหนักแบบเร่งด่วนจนระบบเผาผลาญพัง รู้ตัวบ้างไหม ?

วิธีลดน้ําหนักแบบเร่งด่วน ที่หลายๆ คนมักใช้ และยังคงได้รับความนิยม

เนื่องจากเห็นผลได้เร็ว แม้จะเป็นวิธีลดน้ําหนักแบบธรรมชาติก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหารหรือกินน้อยเกินไป

ไปจนถึงการตัดคาร์โบไฮเดรตและไขมันออกไปจากมื้ออาหารกันเลย ในระยาวจะตามมาด้วยปัญหาสุขภาพ

และเกิดอาการเจ็บป่วย ที่แน่ๆ คือ “ระบบเผาผลาญพัง” แบบไม่รู้ตัว กลายเป็นว่าน้ำหนักเท่าเดิม

หรือเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

ปัญหาด้านระบบเผาผลาญเช่นนี้ เราสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองว่าเป็นปกติหรือกำลังเสียสมดุล ด้วยหลักการพื้นฐานต่อไปนี้

1.ระบบเผาผลาญที่พังเสียหาย ซึ่งทำให้ทำงานช้าลง ร่างกายจะเกิดความเครียด เปอร์เซ็นต์ของไขมันไม่ลดต่ำลงเลย

2.ระบบร่างกายเข้าสู่ภาวะ starve mode ซึ่งจะเป็นการพยายามเอาตัวรอดในภาวะขาดอาหาร มีการสะสมไขมันเพิ่มมากขึ้น

3.ไม่ว่าพยายามจะออกกำลังกายและควบคุมอาหารมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถลดปริมาณไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายได้

4.หมดกำลังใจ รู้สึกเบื่อกับการออกกำลังกายที่ไม่ได้ผล รู้สึกเหนื่อยแม้จะเป็นการออกกำลังกายแบบง่ายๆ แม้จะนอนหลับเต็มอิ่มมาแล้วก็ตาม

5.มีอาการหน้ามืดและปวดหัวบ่อยแบบหาสาเหตุไม่ได้

6.พบภาวะท้องอืด แน่นท้อง หลังกินอาหารจะรู้สึกปวดท้อง ท้องเสียง่าย ซึ่งเป็นระบบย่อยอาหารที่ผิดปกติ

7.ผมร่วงเยอะเป็นกระจุก หรือร่วงเยอะกว่าปกติ มีภาวะผิวแห้งขาดความชุ่มชื่น

8.มีความต้องการทางเพศลดน้อยลง

9.หากเกิดขึ้นในผู้หญิง จะพบว่าประจำเดือนขาดๆ หายๆ ได้

10.นอนไม่ค่อยหลับ หลับยาก นอนหลับไม่เต็มอิ่ม รู้สึกตัวตลอดเวลา กระสับกระส่ายอยู่ตลอดทั้งคืน

11.หดหู่ ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน และมีความเครียดได้ง่าย

12.รู้สึกเหมือนกับตัวเองไม่ค่อยสบาย จนต้องไปเช็คสุขภาพกับแพทย์ แต่พบค่าต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ปกติ

13.ปัสสาวะบ่อย จนทำให้คุณภาพชีวิตประจำวันแย่ลง

แก้ปัญหาระบบเผาผลาญ แล้วหันมาเริ่มวิธีลดน้ําหนักให้ถูกต้อง

กรณีของคนที่มีปัญหาระบบเผาผลาญของร่างกายพังไปก่อนหน้านี้เพราะใช้วิธีลดความอ้วนแบบผิดๆ

จะต้องทำการซ่อมระบบเผาผลาญตัวเองใหม่ก่อน ด้วยการ

“ค่อยๆ ปรับปริมาณแคลอรี่เดิมจากที่กินน้อยมากจนถึงขีดสุด ให้สูงขึ้นอย่างช้าๆ ในแต่ละวัน

ร่วมกับการออกกำลังกายร่วมด้วย จนกระทั่งระดับแคลอรี่เข้าสู่สภาวะปกติตามความต้องการของร่างกายที่จะใช้ในแต่ละวัน

โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน” วิธีนี้จะต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อน

เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว ระบบเผาผลาญกลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติในที่สุด

วิธีลดน้ําหนัก

Photo Credit : YouTube.com

วิธีลดน้ําหนักที่ถูกต้องจะต้องเลือกใช้วิธีลดน้ําหนักแบบธรรมชาติ ให้ร่างกายเกิดความสมดุล

เข้าใจระบบการใช้พลังงานของร่างกายให้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นค่า BMR หรือ TDEE

เปลี่ยนความเข้าใจเสียใหม่ เพราะค่าทั้งสองนี้ไม่ใช่ค่าเดียวกัน จำนวนตัวเลขที่ออกมาจึงไม่สามารถนำเอามาทดแทนกันได้