ภาวะสมองเสื่อม ตัวการทำลายความจำที่คนวัย 40 Up ควรระวัง !

ภาวะสมองเสื่อม

ภาวะสมองเสื่อม เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ควรเฝ้าระมัดระวังมากพอสมควร หลายคนอาจจะไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นโรคนี้

จวบจนเมื่ออาการแย่หนักขึ้น ดังนั้น เราจึงควรใส่ใจศึกษาโรคนี้กันอย่างเนิ่นๆ โดยเฉพาะ สุขภาพคนวัย 40

ซึ่งเป็นวัยที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้ค่อนข้างสูง ไปตลอดจน ผู้สูงอายุ ก็เช่นเดียวกัน วันนี้เราเลยจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ

ภาวะสมองเสื่อมคืออะไร สาเหตุ อาการและวิธีรักษาป้องกันทำได้อย่างไรบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ

ภาวะสมองเสื่อม คืออะไร?

ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) คือ กลุ่มอาการของโรคที่มีปัญหาจากการบกพร่องของระบบประสาทจากสมอง

และเนื่องจากเป็นกลุ่มอาการของโรค ภาวะสมองเสื่อมจึงสามารถจำแนกได้อีกหลากหลายประเภท โดยส่วนใหญ่แล้วในปัจจุบันผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

มักมีความเสี่ยงในการเป็นภาวะสมองเสื่อมสูงมากขึ้น ผิดจากในอดีตที่ภาวะสมองเสื่อมมักจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีอายุ 60 ปีขึ้นไป

ประเภทของภาวะสมองเสื่อม

ภาวะสมองเสื่อมเป็นกลุ่มอาการความผิดปกติที่สามารถจำแนกได้หลายประเภท ดังนี้

โรคอัลไซเมอร์ : เป็นโรคที่เกิดจากคราบพลาก ที่มาจากเซลล์ในสมองตายทำให้เกิดการสะสมรวมตัวกัน

และอาจจะเกิดได้จากความผิดปกติของระบบภายในสมอง ทำให้พัฒนาได้ช้า ส่งผลต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์

โรคคล้ายอัลไซเมอร์ : รูปแบบของอาการอาจจะมีความคล้ายคลึงกับอัลไซเมอร์ แต่จะแตกต่างตรงที่จะมีภาวะเป็นอัลไซเมอร์แบบชั่วคราว

คือเป็นๆ หายๆ โดยเกิดจากความผิดปกติของโปรตีนภายในระบบสมอง ที่จับตัวรวมกันเป็นก้อน เรียกว่า ก้อนโปรตีน Lewy body

โรคพาร์กินสัน : โรคพาร์กินสันมีสาเหตุมาจากก้อนโปรตีน Lewy body เช่นเดียวกัน แต่โรคพาร์กินสันจะส่งผลต่อระบบประสาท

ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวเป็นหลัก แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อภาวะสมองเสื่อมได้จากการเคลื่อนไหว

สาเหตุของภาวะสมองเสื่อม

ในเรื่องของสาเหตุภาวะสมองเสื่อม สามารถที่จะอธิบายได้หลากหลาย เนื่องจากผู้ป่วยแต่ละคนจะมีสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมที่แตกต่างกัน โดยอธิบายได้ดังนี้

หลอดเลือดสมอง : สาเหตุของภาวะสมองเสื่อมที่มาจากหลอดเลือดภายในสมองนั้น ถือว่าเป็นสาเหตุหลักที่มักจะพบได้ในบุคคลทั่วไปที่ป่วยเป็นภาวะสมองเสื่อม

โดยสาเหตุอาจจะเกิดจากเซลล์ภายในสมองตายหรือเสื่อมสภาพลง ดังนั้น จึงทำให้เซลล์ที่ไร้ประสิทธิภาพเหล่านี้ไปทำการอุดตันบริเวณหลอดเลือดที่ส่งเข้าสู่สมอง

ซึ่งจะเป็นการอุดไม่ให้เซลล์เม็ดเลือดแดงนำออกซิเจนไปสู่สมองได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้นั่นเอง

การบาดเจ็บ : การบาดเจ็บถือเป็นสาเหตุรองลงมาของการเป็นภาวะสมองเสื่อมของกลุ่มผู้ป่วยในยุคปัจจุบัน โดยกลุ่มที่เสี่ยงจะเกิดอาการบาดเจ็บที่ส่งผลต่อการเป็นภาวะสมองเสื่อม เช่น

  • นักกีฬา
  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้มีปัญหาการเคลื่อนไหว

โดยกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้อาจจะเกิดจากการล้ม หรือถ้าหากเป็นนักกีฬาอาจจะเกิดปัญหาจากการกระแทกของอุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นกีฬา

ซึ่งถ้าหากเกิดอาการบาดเจ็บที่ส่งผลต่อสมองโดยตรง ก็จะสามารถทำให้เซลล์สมองเสื่อมและตายได้ในที่สุด

เซลล์สมองส่วนหน้า : เซลล์สมองส่วนหน้าถือเป็นส่วนที่อันตราย โดยหากเซลล์ประสาทที่อยู่บริเวณนั้นมีปัญหาและตายลง

ก็จะส่งผลในเรื่องของการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท ซึ่งเมื่อไม่มีการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท

หรือมีความบกพร่องในการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท ก็จะทำให้เซลล์บริเวณอื่นๆ เสื่อมสภาพและตายลงได้เช่นเดียวกัน

ก้อนโปรตีน Lewy Bodies : หากภายในเซลล์สมองมีการสะสมของก้อนโปรตีนชนิดนี้ ก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม

แต่ไม่เพียงเท่านั้น เพราะสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพต่างๆ อีกได้ เช่น การนอนไม่หลับ ร่างกายขาดสมดุล หรือแม้แต่กระทั่งการเกิดอาการประสาทหลอน

คราบพลาก : หากในสมองมีการสะสมของเซลล์ที่ตาย จนทำให้เกิดคราบพลาก ก็จะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ และส่งผลทำให้เป็นภาวะสมองเสื่อม

จากสาเหตุที่กล่าวมานั้น ล้วนเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมแบบถาวร และไม่สามารถที่จะรักษาให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติได้

แต่ทั้งนี้ก็ยังมีสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมที่มีโอกาสในการรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ เช่น

  • ภาวะขาดไทรอยด์
  • ภาวะขาดวิตามินบี
  • ภาวะโพรงสมองคลั่งน้ำ
  • ติดเชื้อ HIV
  • การรับสารพิษโลหะหนัก

อาการภาวะสมองเสื่อม

ในส่วนของภาวะสมองเสื่อมจะมีการแสดงออกทางอาการในเรื่องของสภาพจิตใจ และกระบวนการทางความคิดหรือวิเคราะห์สิ่งต่างๆ เช่น

  • ปัญหาด้านการสื่อสาร ไม่สามารถที่จะพูดคุยหรือโต้ตอบได้อย่างเหมาะสม
  • ไม่สามารถวิเคราะห์หรือหาเหตุผลในการแก้ไขปัญหาได้
  • ไม่สามารถที่จะวางแผนหรือทำการจัดลำดับ
  • ไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นได้
  • ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้เหมือนปกติ
  • มักสับสนอยู่ตลอดเวลา
  • มีความวิตกกังวล
  • บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง

ระยะเวลาของภาวะสมองเสื่อม

สำหรับภาวะสมองเสื่อมนั้นสามารถที่จะแบ่งได้เป็นขั้นระยะเวลา ซึ่งการจำแนกไปตามขั้นระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละรายที่จะเป็นตัวกำหนด โดยแบ่งไปตามระยะอาการดังนี้

ระยะเริ่มแรก : เป็นระยะเบื้องต้นที่จะทำให้เกิดผลกระทบกับสมองบางส่วน ผู้ป่วยอาจจะมีอาการหลงลืมไปบ้าง แต่ยังไม่มาก

ระยะปานกลาง : เป็นระยะที่สามารถสังเกตได้ชัดเจนว่าผู้ป่วยมีภาวะสมองเสื่อมที่อยู่ในขั้นเสี่ยงที่จะเป็น

ซึ่งสิ่งที่สามารถสังเกตได้คือ มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยจะไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ

อย่างเช่น ไม่สามารถหวีผมได้ ลืมทานอาหาร นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพ

อย่างเช่นการทำพฤติกรรมบางอย่างโดยไม่มีเหตุผล และนอนหลับได้ยาก

ระยะรุนแรง : ถือเป็นระยะที่อันตรายที่สุดสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นภาวะสมองเสื่อม เนื่องจากผู้ป่วยนั้นจะไม่สามารถสื่อสารได้ในรูปแบบปกติ

หรือไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีผู้ที่ดูแลตลอดเวลา และผลกระทบขั้นรุนแรงนี้

ยังสามารถส่งผลกระทบทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายไม่สามารถที่จะควบคุมได้ อย่างเช่น กระเพาะปัสสาวะ

การวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อม

การวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อม แพทย์จะมีวิธีการวินิจฉัยเพื่อที่จะช่วยยืนยันผลตรวจให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีวิธีวินิจฉัยดังนี้

1.การตั้งคำถาม

การตั้งคำถามจะมีความคล้ายคลึงกับการสอบถามประวัติของผู้ป่วยในการวินิจฉัยโรคทั่วไป โดยจะมีคำถามที่เป็นการทดสอบความจำของผู้ป่วย เช่น

  • อายุ
  • วันเกิด
  • กิจกรรมที่ทำล่าสุด

และยังเป็นรูปแบบคำถามอื่นๆ ที่แพทย์ได้มีการจัดเตรียมเอาไว้ แต่ในการตั้งคำถามนั้นจะไม่ได้ทำเพียงแค่ผู้ที่ป่วยเป็นภาวะสมองเสื่อมเท่านั้น

เพราะจะต้องมีการสอบถามกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ในเรื่องของอาการที่เกิดขึ้นร่วมด้วย

2.การตรวจ clinical dementia Rating

เป็นรูปแบบการตรวจที่แพทย์จะต้องมีการประเมินผู้ป่วยทั้งในเรื่องของความจำ รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคม หรือแม้แต่กระทั่งการดูแลตัวเอง

3.การตรวจ mmse

เป็นการตรวจที่จะต้องมีการทำแบบสอบถามเพื่อวัดความบกพร่องที่เกิดขึ้นกับสมอง แต่จะเป็นการตอบแบบสอบถามในด้านของการสื่อสารเป็นหลัก

รวมถึงการคิดวิเคราะห์ต่างๆ นอกเหนือจากนี้แล้ว การตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อม ถ้าจะต้องมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ

ในเรื่องของภาวการณ์ขาดวิตามินบี 12 หรือภาวะขาดไทรอยด์ ก็จะช่วยในการระบุรูปแบบของภาวะสมองเสื่อมได้

วิธีรักษาภาวะสมองเสื่อม

สำหรับวิธีรักษาภาวะสมองเสื่อมแพทย์จะใช้ 2 วิธีหลักในการรักษา คือ การรักษาด้วยยา และรักษาด้วยการบำบัด โดยมีวิธีดังนี้

1.รักษาด้วยการบำบัด

สำหรับวิธีรักษาด้วยการบำบัดนั้นจะต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก ซึ่งสามารถแบ่งการบำบัดได้ดังนี้

วางแผนการทำงาน การวางแผนการทำงานจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเรียงลำดับความสำคัญในการทำงานได้ และลดการเกิดความสับสนในระหว่างทำงานได้มากขึ้น

การสร้างสมาธิ เป็นการบำบัดเพื่อให้ผู้ป่วยได้สนใจเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นวิธีการลดความสับสนได้เช่นเดียวกัน โดยอาจจะใช้วิธีการนั่งสมาธิเป็นตัวช่วยร่วมด้วย

2.รักษาด้วยยา

แพทย์จะเลือกวิธีการรักษาด้วยยา สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด การรักษาด้วยยาจะช่วยลดอาการไม่ให้แย่ลง โดยยาที่จะจ่ายมีดังนี้

  • ยา memantine เป็นยาที่จะช่วยรักษาระบบการทำงานของสารสื่อประสาท แต่อาจจะทำให้เกิดอาการมึนศีรษะได้เป็นบางครั้ง
  • ยา Cholinesterase Inhibitors เป็นกลุ่มยาอีกหนึ่งอย่างที่แพทย์จะจ่ายให้กับผู้ป่วย

แต่สำหรับยาที่กล่าวมานั้นถือเป็นยาที่แพทย์จะทำการจ่ายให้กับผู้ป่วย โดยแพทย์อาจจะต้องมีการจ่ายยาชนิดอื่นให้กับผู้ป่วย หากผู้ป่วยมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย อย่างเช่น อาการนอนไม่หลับ ภาวะซึมเศร้า

วิธีป้องกันภาวะสมองเสื่อม

สำหรับภาวะสมองเสื่อมนั้นเป็นเรื่องยากที่จะหาวิธีป้องกันได้แบบชัดเจน มีเพียงแค่การดูแลสุขภาพก็สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นภาวะสมองเสื่อมได้ โดยมีวิธีคือ

รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ : การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นการช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน

และช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรค โดยจะต้องเน้นอาหารที่บำรุงสมองเป็นพิเศษ

การทำกิจกรรม : ควรที่จะต้องออกไปทำกิจกรรมในการเข้าสังคม หรือแม้แต่กระทั่งการออกกำลังกายบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นความจำให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี

Credit : Unforgettable.org

ภาวะสมองเสื่อม ถึงแม้จะดูอันตรายต่อ คนวัย 40 ปีขึ้นไป แต่หากรู้จักวิธีป้องกันและดูแลรักษาอย่างถูกต้องทันการณ์

ก็สามารถส่งผลให้เกิดความปลอดภัยจากโรคนี้ได้ และทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย