ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติอันตรายไหม? ภัยใกล้ตัวที่ต้องใส่ใจ

หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เป็นภาวะที่หลายคนอาจจะรู้สึกว่า อยู่ดี ๆ หัวใจก็เต้นเร็วผิดปกติ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

ยืนเฉย ๆ ก็รู้สึกได้ หากนาน ๆ เกิดขึ้นสักครั้งแล้วหายไปเองภายในไม่กี่นาทีต่อมา ก็อาจไม่ค่อยกังวลเท่าใดนัก

แต่ถ้าหากเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นโรคอะไรหรือเปล่า หรือจะมีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้นบ้าง

เราจึงขอสรุปเรื่องของภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติมาให้ได้ศึกษากัน เพื่อจะได้รู้แนวทางว่า ควรปฏิบัติตัวอย่างไรหากมีภาวะนี้เกิดขึ้น

ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ คืออะไร?

ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ (Tachycardia) เป็นภาวะผิดปกติของร่างกายชนิดหนึ่งที่เกิดจากการอยู่ดี ๆ หัวใจก็เต้นเร็วผิดปกติเอง

โดยที่ไม่ได้ทำกิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้เกิดการสูบฉีดของหลอดเลือด อย่างเช่น การออกกำลังกาย หรือการยกของหนักแต่อย่างใด

บางครั้งอาจเกิดขึ้นได้เองโดยเป็นการตอบสนองของร่างกายที่มีต่อความเครียด หรือความตื่นเต้นต่อสถานการณ์ที่กำลังบีบบังคับอยู่ในขณะนั้น ๆ

แต่บางครั้งก็อาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น การที่ต่อมไทยรอยด์ทำงานเกินปกติ (Hyperthyroidism)

การเสียเลือดกะทันหันจากอุบัติเหตุ รวมทั้งการได้รับคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ที่มากเกินไปจากอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย

สาเหตุของภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

ถึงแม้ว่าสาเหตุหลัก ๆ ของภาวะหัวใจเต้นเร็ว จะเกิดจาก 3 ปัจจัยข้างต้นดังที่บอกไป

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบอีก เพราะการทำงานของหัวใจนั้นจะมีระบบที่ทำงานคล้ายกับการส่งคลื่นสัญญาณแบบไฟฟ้า

ไปยังระบบปั๊มเลือด เพื่อให้มีการสูบฉีดเลือดตามปกติ แต่การที่หัวใจจะเต้นเร็วกว่าปกติได้นั้น

จะต้องเกิดจากการที่มีอะไรบางอย่างไปรบกวนคลื่นสัญญาณจนทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดได้จากปัจจัยต่อไปนี้

  • การเป็นโรคหัวใจ ที่เป็นสาเหตุให้หัวใจทำงานหนักจนเกินไป
  • การมีภาวะโลหิตจาง (Anemia)
  • การเป็นโรคเกี่ยวกับความดัน ไม่ว่าจะความดันต่ำหรือสูงก็มีโอกาสทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติได้
  • มีอาการท้องเสีย จนเป็นเหตุให้สูญเสียเกลือแร่ และน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่ง ผลต่อการเต้นของหัวใจโดยตรง
  • การใช้สารเสพติดชนิดต่าง ๆ
  • ผลข้างเคียงของการใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาขยายหลอดลม เป็นต้น
  • บุคคลในครอบครัวเคยมีประวัติภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติมาก่อน ก็เป็นไปได้ว่าจะช่วยเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติมากขึ้น

อาการของภาวะหัวใจเต้นเร็วปิดปกติ

ถึงแม้ว่าบางครั้ง ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ จะมีระยะเวลาในการเกิดเพียงไม่กี่นาที แต่ก็อาจส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ

ไม่สามารถรับออกซิเจนได้อย่างเพียงพอได้ เพราะหัวใจไม่สามารถสูบฉีดโลหิตได้อย่างที่ควรจะเป็น หากมีอาการรุนแรงมักพบว่ามีอาการร่วมดังต่อไปนี้

  • ใจสั่น
  • เวียนศีรษะ
  • หอบเหนื่อย
  • เป็นลมหมดสติ และอาจถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นได้
  • ถ้าหากภาวะหัวใจเต้นเร็ว มาจากสาเหตุของโรคหัวใจ อาจเกิดภาวะเจ็บหน้าอกร่วมด้วย
  • ถ้าหากภาวะหัวใจเต้นเร็ว มาจากสาเหตุของโรคไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็จะมีอาการของโรคประสาทแฝงอยู่

เพราะฉะนั้น หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัว มีอาการในลักษณะดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์

เพื่อทำการวินิจฉัยโรคให้ถูกต้อง เพราะโรคที่เกิดขึ้น อาจมีความรุนแรงมากกว่านี้ก็เป็นได้

วิธีการรักษาหัวใจเต้นเร็ว

ปกติแล้ว แพทย์จะต้องทำการวินิจฉัยอย่างละเอียดก่อน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติว่ามีสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไร

เพื่อจะได้รักษาให้ถูกจุด อย่างเช่น ถ้าหากมีสาเหตุมาจากโรคไทรอยด์ หรือโรคหัวใจ แพทย์ก็จะทำการรักษาตามสาเหตุก่อน

พร้อมกันนี้ก็จะหาวิธีชะลอการเต้นของหัวใจไม่ให้เต้นเร็วจนเกินควร ซึ่งสามารถทำได้โดย 3 วิธีดังต่อไปนี้

การรักษาด้วยยา – อาจเป็นยาฉีด หรือยาทาน เพื่อควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ

การรักษาด้วยการช็อกหัวใจแบบไฟฟ้า (Cardioversion) – มักจะมีลักษณะเป็นเครื่องอัตโนมัติ

หรือเป็นแผ่นแปะที่หน้าอก การจะรักษาด้วยวิธีนี้ ก็ต่อเมื่อมีความรุนแรงค่อนข้างมาก และเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเท่านั้น

การรักษาด้วยวิธี Vagal Maneuvers – เป็นการกระตุ้นประสาทเวกัส โดยการนั่งยอง ๆ

แล้วนำถุงนำแข็งมาวางบริเวณหน้าและหน้าผาก จะช่วยชะลออัตราการเต้นของหัวใจได้

วิธีการป้องกันหัวใจเต้นเร็ว

เมื่อทำการรักษาเบื้องต้นแล้ว แพทย์มักจะหาวิธีป้องกันภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติควบคู่ไปด้วย โดยวิธีการดังนี้

1.รักษาด้วยยา – ถึงแม้ว่าแพทย์จะสั่งยาต้านภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติแล้ว ก็อาจจะมีบางครั้งที่แพทย์จะให้ยา

เพื่อช่วยป้องกันการเกิดภาวะนี้ซ้ำในอนาคตด้วย ตัวอย่างยาที่นำมาใช้ป้องกัน คือ เบตาบล็อกเกอร์ และแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์

2.รักษาด้วยการจี้หัวใจ – ฟังดูแล้วอาจจะน่ากลัวไปสักนิด แต่เป็นวิธีป้องกันที่ค่อนข้างได้ผลดี โดยแพทย์จะใช้สายสวนหัวใจ

เพื่อหาความผิดปกติผ่านทางอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อค้นหาความผิดปกติที่ไปขัดขวางคลื่นสัญญาณไฟฟ้า

อันเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะนี้ เมื่อพบแล้วก็จะจี้ทำลายปัญหานั้น ๆ ต่อไป

3.การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้ากระตุ้น (Pacemaker) – เป็นอุปกรณ์สำหรับปล่อยคลื่นไฟฟ้าที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้กลับมาเป็นปกติ

4.การฝังเครื่องกระตุกหัวใจ – หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แพทย์ก็อาจจะเลือกใช้การฝังเครื่องกระตุกหัวใจ

บริเวณใต้ผิวหนังช่วงหน้าอก เพื่อตรวจสอบจังหวะการเต้นของหัวใจ และเมื่อมีความผิดปกติก็จะส่งคลื่นไฟฟ้าไปช่วยควบคุม

เช่นเดียวกับเครื่อง Pacemaker

5.การผ่าตัด – เป็นวิธีสุดท้าย ต่อเมื่อไม่เหลือทางเลือกใด ๆ และไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ โดยแพทย์จะต้องทำการหาสิ่งแปลกปลอม

หรือเนื้อเยื่อที่เข้าไปขัดขวางคลื่นสัญญาณไฟฟ้า จนทำให้ระบบปั๊มเลือดของหัวใจทำงานผิดปกติ จากนั้นจึงทำการผ่าตัดออกไป

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว เราสามารถดูแลตัวเองได้ เพื่อให้ร่างกายสามารถรักษาตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมคอเลสเตอรอล และความดันโลหิต รวมทั้งน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจเข้าไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยบรรเทา และป้องกันการเกิดภาวะนี้ได้แล้ว

หัวใจเต้นเร็ว

Credit : vospalenia.ru

ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อาจจะดูเหมือนเป็นโรคที่ไม่รุนแรง และไม่น่ากลัวเมื่อเทียบกับโรคหัวใจจริง ๆ แต่ใครจะรู้ว่าผลกระทบของมันนั้น อาจรุนแรงถึงขั้นส่งผลให้เกิดการขาดออกซิเจนของอวัยวะ หรืออาจมีอาการหัวใจวายที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะฉะนั้น หากพบว่ามีอาการผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ ก็ไม่ควรเพิกเฉย ควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาให้ถูกต้องต่อไป