ความเชื่อที่ว่า การออกกำลังกาย จะช่วยลดน้ำหนักให้แก่เราได้ แม้จะทานอาหารในสัดส่วนเท่าเดิม ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
เพราะการออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ยังมีพฤติกรรมการกินอาหารหวานจัด มันจัด
และมีคาร์โบฮเดรตสูง ทั้งแป้ง น้ำตาลและไขมันก็จะยังคงสะสมอยู่ในร่างกายต่อไป
ส่งผลให้ปริมาณแคลลอรี่ที่เผาผลาญออกไปเมื่อเทียบกับสัดส่วนที่รับเพิ่มเข้ามาอีกไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย
การออกกำลังกายอย่างหนักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจึงกลายเป็นเรื่องเสียเปล่า และทำให้หลายคนต้องล้มเลิกความตั้งใจ กับการลดความอ้วนไปโดยปริยาย
เทคนิคหนึ่งของการลดน้ำหนักที่ดี จะต้องมีการออกกำลังกายควบคู่ไปกับการกินอาหารอย่างเหมาะสม
ซึ่งในปัจจุบันที่เราพอจะรู้จักและได้รับความนิยมแพร่หลายก็คือการกินแบบ Low-carb
หรือการกินคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานต่ำ แตกต่างจากการกินแบบ Low-fat
อีกทั้งยังให้ประสิทธิภาพในการลดความอ้วนที่ดีกว่าและช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วยค่ะ
ทำความรู้จักกับอาหารแบบ Low-carb แบบฉบับของ Dr.Askin
หนึ่งในวิธีการอาหารแบบโลวคาร์บตามคำแนะนำของ Dr.Askin เป็นหนึ่งในเทคนิคการกินที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่คนรักสุขภาพ
หลักเริ่มต้นของวิธีนี้คือเพื่อการรักษาและควบคุมน้ำหนักในระยะยาว
หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือมันจะไม่มีผลกระทบต่อการเกิดภาวะโยโย่เมื่อกลับมากินมากขึ้น
ไม่ส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญให้ทำงานด้อยลง ช่วยให้น้ำหนักไม่แกว่งขึ้นๆ ลงๆ
ลดคาร์โบไฮเดรตและเพิ่มโปรตีน
หลักพื้นฐานของการกินตามทฤษฏีนี้คือ “ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต เน้นการกินโปรตีนในปริมาณที่สูงขึ้น”
ซึ่งแคลลอรี่ที่คุณจะได้รับต่อวันจะไม่ลดลง หากเดิมรับอยู่ที่ 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
หลักการนี้ก็จะได้รับพลังงานในปริมาณเท่าเดิม แต่สารอาหารที่ได้จะแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้
เนื่องจากเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง จึงทำให้ร่างกายไม่เกิดสะสมแป้งและไขมัน
ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ และเพิ่มประสิทธิภาพให้การออกกำลังกายอึดและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ข้อแนะนำอย่างหนึ่งสำหรับการกินตามแบบฉบับของ Dr.Askin คือจะต้องทำอย่างมีวินัย
ในช่วงแรกเรียกได้ว่าเป็นการหักดิบการกินทั้งหมด โดยใช้เวลาในการทำติดต่อกัน 14 วัน
ซึ่งอาหารที่กินเข้าไปแบบจำกัดเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายปรับสมดุลใหม่ เพิ่มความสามารถในการดูดซึม
เปลี่ยนแปลงระบบเผาผลาญจากเดิมที่ใช้น้ำตาลเป็นหลัก ช่วงนี้ร่างกายก็จะดึงเอาไขมันมาใช้แทน
ส่งผลให้ไขมันกำจัดออกไป จึงพบว่าผู้ที่สามารถทำตามวิธีได้จนครับหลักสูตร จะมีรูปร่างที่กระชับและได้สัดส่วนมากขึ้น
หลักการเลือกกินอาหารตามสูตรให้ได้ผล
การลดความอ้วนตามหลักของ Dr.Askin จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูล เลือกกินอาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้
และห้ามกินอาหารต้องห้ามที่ระบุ ซึ่งโดยทั่วไปจะถูกจัดแบ่งออกไป 4 ระยะ
มีอาหารที่สามารถเลือกกินได้ตลอดทั้ง 14 วันคือ ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมันหรือติดมันก็ได้
แต่สิ่งที่ห้ามคือห้ามผ่านการปรุงด้วยน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรต ชีส น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ผักใบเขียว
(ควรได้รับประมาณ 1 ถ้วยตวง เนื่องจากในผักมีแป้งเป็นส่วนประกอบ)
ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงก็จะเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาล
เช่น อาหารที่เขียนว่า Low-fat เนื่องจากมีแป้งเป็นส่วนประกอบหลักอยู่ด้วย
เมนูอาหารที่มีข้าวเป็นหลักรวมไปถึงก๋วยเตี๋ยวทุกชนิด ผลไม้รสหวานหรือไม่หวาน ซึ่งก็มีส่วนผสมของแป้ง และน้ำตาลในปริมาณสูงได้
รวมไปถึง ขนมกรุบกรอบ เค้ก เบเกอรี่ ซอสที่มีส่วนผสมของน้ำตาล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ข้อเสียของการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้
การลดน้ำหนักด้วยหลักการนี้เรียกว่าเป็นการฝืนความเป็นธรรมชาติเดิมของร่างกาย
การปรับสมดุลร่างกายใหม่ กินโปรตีนในปริมาณสูงต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
โดยเฉพาะโปรตีนที่ได้มาจากเนื้อสัตว์ ก็จะเกิดความเสี่ยงทำให้ร่างกายอาจเกิดการสะสมของสารอนุมูลอิสระ
น้ำตาลในเลือดต่ำและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ ดังนั้น จึงควรเป็นการไดเอทในระยะสั้นที่จะให้ผลดีต่อร่างกายมากกว่า
ที่สำคัญผู้ที่เลือกลดความอ้วนด้วยหลักนี้จะต้องมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง
ไม่มีโรคเรื้อรัง การตั้งครรภ์ หรืออยู่ในวัยเจริญเติบโต
Photo Credit : foodnetwork.com
จะเห็นได้ว่าสูตรอาหารลดน้ำหนักใดๆ ในโลกก็คงจะไม่สามารถช่วยเราไปได้ตลอดชีวิต
ทางที่ดีควรหันมาเดินทางสายกลาง กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เท่านี้ก็สามารถช่วยให้ห่างไกลจากความอ้วนและ ให้สาวๆ มีหุ่นสวยสมใจ แถมยังห่างไกลจากความเจ็บป่วยได้อีกด้วยค่ะ