ในอาหารแต่ละชนิดที่เรากินเข้าไป ล้วนมีปริมาณแคลอรี ที่แตกต่างกัน มือใหม่ที่หันมาควบคุมการกินอาหาร อาจจะยังไม่มีความรู้มากพอ
ส่งผลให้กินอาหารแบบผิดๆ กินน้อยเกินความต้องการของร่างกาย หรือกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ในปริมาณน้อย
เพราะคิดว่า การกินน้อยจะช่วยลดความอ้วนได้ แต่อาหารที่กินกลับอุดมไปด้วยแคลอรีในปริมาณสูง เป็นสารอาหารที่จะแปรสภาพไปเป็นไขมันเสียส่วนใหญ่
ด้วยสาเหตุเหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยที่จะบอกได้ว่า การลดความอ้วน จะประสบความสำเร็จได้หรือไม่ได้
ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า เรามีความรู้มากพอในการควบคุมปริมาณแคลอรีมากน้อยแค่ไหน
ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าแคลอรีในอาหาร จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สาวๆ ที่อยากผอมไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ
ทำความรู้จักกับ “แคลอรี” ในอาหารให้มากขึ้น
“แคลอรี่” (Calorie) คือ คำจำกัดความที่เอาไว้เรียกปริมาณพลังงานในอาหารและพลังงาน ที่มนุษย์ทั่วไปควรได้รับในแต่ละวัน
เรามักจะเห็นเป็นที่คุ้นตาตามฉลากสินค้าอาหาร ที่มีการระบุปริมาณแคลอรีของพลังงานรูปแบบต่างๆ เอาไว้อย่างชัดเจน
ตามหลักมาตรฐาน ในแต่ละวัน เราจำเป็นต้องได้รับพลังงานที่เพียงพอต่อการทำกิจกรรม ไม่ควรเกิน 2,000 กิโลแคลอรี
และไม่ควรต่ำมากไปกว่านี้ เพื่อให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการทำงานต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
สารอาหารแต่ละอย่างที่เรารับเข้าไป ก็มีปริมาณพลังงานที่แตกต่างกันด้วย โดยไขมันจะเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานมากที่สุด ประมาณ 9 กิโลแคลอรีต่อกรัม
รองลงมาคือ คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ที่มีพลังงานเท่ากันคือ 4 กิโลแคลอรีต่อกรัม
ในความเป็นจริง ปริมาณพลังงานที่เราควรได้รับต่อวัน ตามที่กล่าวไปข้างต้น เป็นเพียงรูปแบบมาตรฐาน
ที่จะเอาไว้ช่วยป้องกัน ไม่ให้เรารับเอาพลังงานเกินปริมาณ จนทำให้ร่างกายเก็บไว้ใต้ชั้นผิวหนัง
ในรูปไขมันจนส่งผลให้เกิดภาวะอ้วน แต่ก็ยังมีผู้คนบางส่วน ที่จำเป็นต้องได้รับพลังงานเกิน 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน นั่นก็คือ
ผู้ที่ต้องใช้แรงงาน กรรมกรและนักกีฬา ที่จะต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างหนัก ส่งผลให้พลังงานที่ใช้เพิ่มจำนวนขึ้นตามมาตามความจำเป็น
ส่วนผู้ที่ทำงานออฟฟิศนั่งโต๊ะ และออกแรงขยับเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ก็ไม่ควรให้เกินค่าที่กำหนดไว้
อีกทั้ง หากต้องการลดความอ้วน ก็ควรกินให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายตามปกติ ควบคู่กับการออกกำลังกาย
เพื่อช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ปริมาณแคลอรีต่อวันสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก แต่แคลอรีที่ได้ต่อวันก็ควรให้อยู่ที่ 2,000 กิโลแคลอรีเช่นเดิม
เป็นเพราะว่า จะช่วยให้ร่างกายเกิดความเคยชิน ไม่ส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญพลังงาน จนด้อยประสิทธิภาพลง
คนที่อดอาหารลดน้ำหนัก จึงเสี่ยงที่จะเกิดภาวะโยโย่ตามมา เมื่อกลับมากินในปริมาณเท่าเดิมอีกครั้ง
ต่างกับคนที่เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ในปริมาณเท่าเดิม แต่ร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย
หลีกเลี่ยงไขมัน เน้นการกินโปรตีนเป็นหลัก และให้คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารรอง ออกกำลังกาย จึงจะเป็นการลดความอ้วนที่ถูกวิธี
ในแต่ละมื้อ สำหรับผู้ควบคุมอาหาร อาจจะแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ เฉลี่ยแคลอรีในปริมาณน้อยเป็น 6 มื้อย่อย
จะส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญมากกว่าการกิน 3 มื้อหลัก และยังช่วยลดความอยากอาหาร
แต่สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องกินอาหาร 3 มื้อต่อวัน ก็ควรควบคุมปริมาณแคลอรี ให้ไม่เกิน 600 กิโลแคลอรีต่อมื้อ
ทั้งนี้ การบริโภคอาหารแปรรูป ที่มีฉลากระบุสัดส่วนแคลอรี ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้เรา สามารถคำนวณความต้องการของพลังงาน ที่ต้องใช้ในแต่ละวันได้แม่นยำมากกว่า
Photo Credit : thefruitdoctor.com
แต่ก็เสี่ยงเหมือนกัน ที่จะได้รับเอาโซเดียมในปริมาณสูงเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น ก่อนเลือกกินอาหารประเภทใด ก็ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี
และอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความมีวินัย หุ่นสวยแซ่บก็จะกลายเป็นของสาวๆ ได้ไม่ยากอย่างที่คิดแล้วล่ะค่ะ