ภาวะประจําเดือนไม่มา เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในกลุ่มสาวๆ ปัญหาดังกล่าวนี้มักจะตามมาพร้อมกับความรู้สึกกังวลใจ
กลัวว่าตัวเองจะเจอกับความผิดปกติอะไรบ้าง (อ่านเพิ่มเติม : ปัญหาประจําเดือนไม่มา กินยาคุมแล้วประจําเดือนไม่มาและการตั้งครรภ์) ด้วยระบบความซับซ้อนของระบบสืบพันธุ์ผู้หญิง
จึงทำให้ภาวะความผิดปกติดังกล่าวมาจากได้หลายสาเหตุปัจจัย ทั้งภาวะที่ไม่รุนแรง
เนื่องจากความแปรปรวนของระบบฮอร์โมน เนื้องอก ไปจนถึงการทำงานของรังไข่ที่ผิดปกติจนเป็นเซลล์มะเร็ง
สำหรับสาวๆ ที่มีอาการไม่มากนัก และพบว่าตัวเองมีประจําเดือนไม่มา1เดือนขึ้นไป
ในระยะแรกอาจเลือกเป็นการรับประทานสมุนไพรธรรมดา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก
หากถูกโรคก็จะช่วยให้ประจําเดือนมาตามปกติได้โดยไม่ต้องพึ่งยาคุมหรือยาปรับฮอร์โมนใดๆ
ทั้งนี้ก็ต้องระมัดระวังการใช้สมุนไพรรักษาด้วยตัวเองกันด้วย เพื่อความปลอดภัยทางด้านสุขภาพของสาวๆ นั่นเองค่ะ
สมุนไพรจากธรรมชาติที่ช่วยรักษาอาการประจําเดือนไม่มา
สมุนไพรที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ จัดว่าเป็นสมุนไพรทั่วไปที่หาได้ตามท้องตลาดหรือแม้กระทั่งสวนผักริมรั้ว
สามารถนำเอามาใช้รับประทานร่วมกับอาหาร เป็นส่วนประกอบของอาหาร
หรือรับประทานแบบสดๆ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของสมุนไพรชนิดนั้นๆ ได้แก่
1.ว่านหางจระเข้
ไม่น่าเชื่อได้ว่านี่คือตัวช่วยรักษาภาวะขาดประจําเดือน เพราะสรรพคุณเด่นของว่านหางจระเข้คือการช่วยรักษาแผลสด
แผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก และใช้แก้ปัญหาผิวในด้านอื่นเป็นหลัก
ในการนำเอาว่านหางจระเข้มาใช้สำหรับรักษาภาวะประจําเดือนมาผิดปกติ ด้วยการรับประทานส่วนของวุ้นสด
หรือสารสกัดจากว่านหางจระเข้ จะช่วยให้รังไข่แข็งแรง ทำงานได้อย่างสมดุล และกระตุ้นให้การตกไข่เป็นไปตามธรรมชาติ
สาวๆ จะสามารถมีรอบเดือนได้อย่างปกติ หลักการง่ายๆ ในการรับประทานคือใช้เจลว่านหางจระเข้สดล้างสะอาดนำมาผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
รับประทานหลังมื้ออาหารเช้าต่อวันเป็นเวลาติดต่อกัน 2 เดือน ก็จะช่วยให้ประจําเดือนค่อยๆ กลับมาตรงตามรอบเดือนเหมือนเดิมได้
2.ชะเอมเทศ
จากการศึกษาทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ค้นพบว่าสมุนไพรชนิดนี้ช่วยลดอาการขาดประจําเดือนได้
เนื่องจากมีสารพิเศษชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “กลีซีร์ริซิน (glycyrrhizin)”
ซึ่งมีคุณสมบัติการทำหน้าที่ใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงเหมาะกับผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สมดุล
สารชนิดนี้จะเข้าไปช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนให้เข้าสู่สภาวะปกติ ลดอาการปวดประจําเดือน
รวมถึงภาวะอักเสบต่างๆ ด้วย การรับประทานที่ปลอดภัย ควรให้อยู่ในสัดส่วนไม่เกิน 10 กรัมต่อวัน
ก็จะช่วยให้ร่างกายค่อยๆ ปรับเข้าสู่ความสมดุลด้วยการดื่มเป็นน้ำชาร้อนๆ ในช่วงเช้าของวัน
3.ขิง
ขิงจัดว่าเป็นสมุนไพรที่นิยมรับประทานกันมากที่สุด โดยเฉพาะการนำเอามาปรุงกับอาหารหลากหลายชนิด
อีกทั้งยังนำมารับประทานเป็นผักสดจิ้มคู่กับน้ำพริกหรือเป็นเครื่องเคียงช่วยลดความเลี่ยนได
นอกจากนี้ขิงยังทำหน้าที่ช่วยรักษาอาการประจําเดือนไม่มา ด้วยฤทธิ์ร้อนที่รับประทานเข้าไป
ทำให้เลือดเกิดการสูบฉีด ไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกายให้เข้าสู่ภาวะสมดุล
สาวๆ จึงควรรับประทานขิงอย่างน้อยวันละ 5 กรัมทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการนำไปต้มดื่มเป็นน้ำชา
หรือจะรับประทานเป็นผักสด หากเป็นในกลุ่มสาวๆ ที่มีปัญหาปวดประจําเดือนด้วยแล้ว ขิงยังเป็นตัวช่วยลดอาการดังกล่าวให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
4.ลูกผักชี
ลูกผักชีหรือเมล็ดของต้นผักชี เป็นสิ่งที่ครัวเรือนส่วนใหญ่ต้องมีไว้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำอาหาร
ซึ่งเป็นทั้งเครื่องเทศและยาสมุนไพรคู่บ้าน มีสรรพคุณหลากหลาย และหนึ่งในนั้นคือตัวช่วยแก้ปัญหาประจําเดือนไม่มา
เป็นยาช่วย “ขับระดู” ช่วยปรับรอบเดือนให้มาตรงตามวัน โดยที่ลูกผักชีจะมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนเกี่ยวกับการตกไข่
และปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายที่ล้วนเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ยังลดอาการปวดประจําเดือน
และบำรุงโลหิตไปในตัว การรับประทานสามารถนำมาต้มเป็นน้ำชาดื่มวันละ 2-3 ครั้ง ก่อนวันประจําเดือนมา
แต่ให้ดื่มในอัตราส่วนที่ไม่มากจนเกินไป เพราะในลูกผักชีมีสารโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
5.ตังกุย
ประจําเดือนไม่มา2เดือนขึ้นไป อาจจะอยู่ในช่วงที่เกิดปัญหาระบบฮอร์โมนแปรปรวนขึ้นมา
ความไม่สมดุลดังกล่าว ตังกุยเป็นสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นให้ประจําเดือนกลับมาเป็นปกติได้ แถมยังช่วยลดอาการปวดประจําเดือน
กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและในส่วนของน้ำมันหอมระเหย มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการทำงานของมดลูก
ช่วยให้เกิดการบีบตัวอย่างสม่ำเสมอ ลดการเกิดลิ่มเลือดได้ สามารถนำมารับประทานคู่กับอาหาร
โดยทำเป็นส่วนประกอบของอาหารต่างๆ และนอกจากนี้ยังมีชนิดที่สกัดออกมาเป็นอาหารเสริม
ซึ่งสาวๆ ก็ควรทำความเข้าใจการกินในสัดส่วนที่เหมาะสมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายตามมา
Photo Credit : 1.bp.blogspot.com
จะเห็นได้ว่าสมุนไพรเหล่านี้ช่วยลดอาการประจําเดือนไม่มาตั้งแต่ 1 เดือนหรือ 2 เดือนขึ้นไป
หากสังเกตพบความผิดปกติเช่นนี้ ก็ควรรีบหาทางแก้ไขดูแลตัวเอง
แต่ก็อย่าลืมว่าการรับประทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียวไม่ใช่ทางออกของการรักษาที่ถูกต้องที่สุด
แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยบำรุงร่างกาย กระตุ้นการทำงานของเลือด และเข้าไปช่วยทำให้ฮอร์โมนทำงานเป็นปกติมากขึ้น
กรณีที่มีอาการรุนแรงมากไปกว่านี้ ควรเข้ารับการตรวจจากสูตินารีแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด
จะได้ทำการรักษาอย่างถูกต้อง ซึ่งรับรองความปลอดภัยได้มากกว่านั่นเองค่ะ
บทความแนะนำ